คนเราชอบทางลัดและปฏิเสธความลำบากครับ
มีหลักฐานมากมายในหน้าโซเชียล เช่น ยาลด
ความอ้วนทั้ง ๆ ที่มันแก้ได้โดยคุณต้องออกกำลัง
กายบ่อย ๆ จึงจะค่อย ๆ ผอมลง
หลายคนลงติวเก็งข้อสอบเพราะขี้เกียจอ่านตำรา
เล่มหนาที่ซ่อนไว้ใต้เตียงประดุจวัตถุโบราณชิ้นหนึ่ง
โค้ชหน้าใหม่ ผู้ชี้ทางรวยล้วนเข้าใจกฎข้อนี้ดี
จึงได้ผุดคอร์สมากมายมาดักแมงเม่าเพื่อเอาเงิน
คุณคงเคยเห็นชื่อคอร์สแบบ “ขายทะลุล้านง่ายนิดเดียว…… “,”เพิ่มยอดขาย 300% ด้วยเคล็ดลับ….”
ซึ่งเจอผู้เชี่ยวชาญตัวจริงก็โชคดีไป เพราะเสียเงิน
แลกกับประสบการณ์คุ้มค่า แต่ถ้าเจอโค้ชเก๊
หรือผู้สอนเทียม อ่านหนังสือมาสอนล้วน ๆ
อันนี้ก็ซวยไป
ความสำเร็จมันไม่มีคู่มือขาย เพราะคนสำเร็จนั้น
บางทีได้มาแบบไม่ทันตั้งตัว เขาตั้งหน้าตั้งตา
ทำงานที่สำคัญกับชีวิตอย่างไม่ลดละจนวันหนึ่ง
โป๊ะเชะ!… มันถึงเส้นชัยเข้าจนได้
ถ้าความสำเร็จมันมีคู่มือขาย ทุกคนบนโลกก็ย่อม
คว้ามาเป็นเจ้าของและทำตามกันแบบโคลนนิ่ง
แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา
ถ้าคุณทำธุรกิจคุณต้องนำหน้าคู่แข่งใช่มั้ยครับ
คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ดีกว่าเพื่อชิงชัยชนะ
คุณต้องคิดเหนือกว่าตำราพิชัยสงครามที่คู่แข่งอ่าน
คู่แข่งมีมีด คุณต้องมีปืน
คู่แข่งมีปืน คุณต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำกว่านั้น
คุณต้องทำงานหนักกว่าเขาเพื่อพิสูจน์อะไรก็ตาม
ที่คิดว่ามันจะทำให้เกิดนวัตกรรม
รอยหยักสมองเราไม่ต่างจากลายนิ้วมือในข้อนึงครับ
มันไม่ซ้ำกันกับใครบนโลกแน่นอน แสดงว่า
ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ในรูปแบบ
ของตนเอง
นั่นแสดงว่าประชากรโลก 7 พันกว่าล้าน
คนล้วนมีสิทธิ์คิดค้นความสำเร็จในแบบฉบับ
ตัวเขาเองได้ถึงจะเหมือนกันบ้าง คล้ายกันนิด
ก็คงไม่เหมือนซะ 100%
ปัญหาคืออะไรครับ?
คนส่วนใหญ่ชอบทางลัดไง
เหมือนที่ผมเกริ่นแต่แรก
คนที่เห็นโอกาสจึงคว้าไว้โดยขายสูตรความสำเร็จ
ต่ออีกทอด เหมือนพวกแฟรนไชส์ที่ขายองค์ความรู้
ทางธุรกิจให้คนทั่วไปได้ลิ้มรสความสำเร็จเป็นตัวเงินบ้าง หรือบรรดาโค้ชที่ออกมาสอนให้ค้นพบตัวเอง
เพื่อคว้ารางวัลแห่งความสำเร็จกับเขาบ้าง
“100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ”
จึงเป็นคำกล่าวที่สะท้อนชีวิตได้ดี
วันนี้ยอมลำบากซะ เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่คิดเสียใจ
ถึงมันจะล้มเหลวบ้างแต่มันเป็นเรื่องปกติ
#ความสำเร็จไม่ใช่ทางเลือกแต่มันคือทางรอด
ลุยครับ!!!
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ