ความรู้ไม่ใช่อำนาจ

แม้กระทั่งคนที่รู้มาก​ ก็ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับ​
หากไม่เคยนำความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์
ต่อส่วนรวมหรือกับตัวเองเลย

คงเคยได้ยินคำว่า​ “ร่ำเรียน” กับ​ “เรียนรู้”
ใช่มั้ยครับ​ ? ฟังดูก็คล้ายกัน​ แทบไม่แตกต่าง
แต่เมื่อเจาะลงไป​ มันจะเป็นเช่นไร​ ลองดูนะ

Study -​ ร่ำเรียน​
มันเหมือนตอนสมัยเรียนไงครับ
เราเรียนทั้งคณิตศาสตร์, เคมี, ฟิสิกส์,
และอื่น​ ๆ​ อีกมากมาย​หลายวิชา​

สุดท้ายก็เรียนไปเพื่อทำข้อสอบ
ผลคือสอบตกบ้าง​ สอบผ่านบ้าง

Learn -​ เรียนรู้
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
จากการสังเคราะห์​ความรู้​ ทักษะจนได้
พฤติกรรมใหม่ที่ดีขึ้น

นักจิตวิทยา​กล่าวไว้ครับว่า…
ถ้ามันซึมซับเข้าสมอง​ คือ​ เรียนรู้
ถ้ามันไม่ซึมซับ​เข้าสมอง​ ก็แค่​ ร่ำเรียน

ทีนี้… ถ้าอยากมีอำนาจ​ พลังหรืออะไรก็ตาม
ที่ช่วยตัวเอง​ ช่วยเหลือสังคมได้​ หรือต้องการ
ให้โลกยอมรับ​ มันจึงต้องอาศัยการเรียนรู้
เป็นหลัก​ ซึ่งมันเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ​มาก

คิดง่าย​ ๆ​ แบบนี้ครับ
เราว่ายน้ำเป็น​ เพราะ​ ลองลงสระ​ จมน้ำไม่รู้
กี่ครั้ง​ กินน้ำสระน้ำคลองจนเต็มท้องกว่าจะ
ว่ายน้ำเป็น

เราเล่นเปียโน​เป็น​ เพราะ​ ฝึกลงน้ำหนักนิ้ว
ลองหลับตาเล่น​ แม้กระทั่งขึ้นเวทีเล่นจริง
จนถึงเล่นหากินเป็นอาชีพได้

หรือเราปั่นจักรยานได้
นั่นเพราะเราตัดสินใจปิดตำรา
แล้วเริ่มลงมือปฎิบัติ​จริงเสียที

ของพวกนี้มันคือการเรียนรู้
มันแลกมากับหยาดเหงื่อ​ หยดน้ำตา​ ฝ่าน้ำลาย
มาเยอะจนซึมซับ​ไว้เป็นประสบการณ์
อันดับต่อไปคือพัฒนา​เป็นจุดแข็ง

ต่างจากกลุ่มคนที่ร่ำเรียนมาแต่ไม่เอาไปใช้อะไร
จนได้ฉายา​ “หนอนหนังสือ”… คือมันก็ดีนะครับ
แต่จะดีขึ้นถ้าอัพเกรดจากหนอนเป็นผีเสื้อเสียที

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์
และเช่นเคย… ทุกท่านสามารถแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็​นได้เต็​มที่​ ผมยินดีรับฟัง​

ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ

============

ทุกท่านสามารถติดตามทุกความเคลื่อนไหวที่
http://www.2bfranchisedd.com/category/ข้อคิดคนทำงาน/

“นำเสนอปรัชญาชีวิต สร้างแรงผลักดัน
แรงบันดาลใจในการทำงานให้กับคนทำงาน
พร้อมให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
ที่สนใจขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์
อย่างจริงจัง”
Twitter : @Thanaban15

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *