แม้กระทั่งในงานที่เรารัก มันก็จะมีบางสิ่ง
ที่ต้องเครียด ดังนั้นอย่าไปคิดว่าเราเครียด
อยู่คนเดียวหรือเกิดมาทุกข์โดยเฉพาะ
ก็ตอนเรารักใครสักคน มันมีแต่สุขล้วน ๆ
ซะเมื่อไหร่กันครับ มันมีทั้งสุขและทุกข์
ปะปนกันไปจนถ้าไม่เป็นเนื้อเดียวกัน
ก็ต้องแตกแยกทางกันไป
งานที่เรารัก เมื่อสามารถสร้างรายได้
มันเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนเพราะหาเลี้ยงชีพได้
โดยลำแข้งตัวเอง แต่มันจะเริ่มแอบเครียด
ทีละนิด ด้วยความเปลี่ยนแปลงของตลาด
ทำให้สินค้าและบริการของเราต้องตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง เช่น เราเปิดร้านขนมไทยเพราะ
หลงใหลในรสชาติและสืบสานความเป็นไทย
เมื่อเปิดร้านเล็ก ๆ ทำเองกับแฟนสองคน
มีขนมให้เลือกไม่กี่อย่างคือ ทองหยอด, หม้อแกง
และตะโก้ แรก ๆ ก็สนุกดีขายหมดเร็วก็ปิดร้าน
่ต่อมาลูกค้าแนะนำว่าควรขายเครื่องดื่มเสริม
คือ ชา กาแฟและเพิ่มอาหารจานเดียวด้วย
จะได้มีลูกค้าหลากหลายขึ้น ทีนี้พอเราตัดสินใจ
เปลี่ยนตามคำแนะนำ เราก็ต้องปรับเปลี่ยน
อะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง เช่น เพิ่มโต๊ะเก้าอี้,
เพิ่มวัตถุดิบ, เพิ่มพนักงาน, เช่าพื้นที่เพิ่ม
เพื่อรองรับลูกค้ามากขึ้น บลา ๆ ๆ
เห็นมั้ยครับ แบบนี้มีเครียดเพิ่มขึ้นไม่มากก็
น้อยอย่างแน่นอน การวางแผนที่ดีและ
การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้
งานใหญ่สำเร็จลุล่วง
แม้กระทั่งงานที่เรารัก มันก็ต้องมีจุดตัดสินใจ
ว่าจะไปต่อหรือพอเท่านี้ จะไปตามกระแส
หรือทอดสมอแค่ช่องน้อยของตัวเอง
อะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุด ?
ส่วนคนที่ยังไม่อาจได้ทำงานที่ตนรักเลย
ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจ งานทุกอย่างมีคุณค่า
ในตัวของมันเอง เมื่อไม่มีโอกาสได้ทำงานที่รัก
ก็ให้รักในงานที่ทำก่อน วันเวลาผ่านไป
สิ่งที่ได้คือประสบการณ์แม้ไม่ตรงสายงาน
แต่ได้ฝึกทักษะการใช้ชีวิต ไม่มีอะไรสูญเปล่า
แน่นอน
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจากเพจ memorias