งานที่”เลี้ยงชีวิต” กับงานที่”สร้างชีวิต”
อ่านดูเหมือนคล้ายกันนะครับ แต่ความจริงแล้ว
มันมีมุมที่ต่างกันพอสมควร ผมจะเล่าให้ฟังสักนิด
เผื่อได้ข้อคิดอะไรสักอย่าง
งานเลี้ยงชีวิตนี่… พูดง่าย ๆ ว่าสำคัญมาก
ถ้าไม่ทำก็คืออดตาย ถ้าโสดก็อดตายคนเดียว
แต่ถ้ามีครอบครัวหรือมีภาระเป็นสัตว์เลี้ยงด้วยล่ะ แบบนี้ไม่สวยแน่ครับ
คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็ทำงานเลี้ยงชีวิตนี่แหล่ะ
ส่วนงานสร้างชีวิตนี่สิ… มันเป็นอีกระดับ
ที่คนทำงานอย่างเราต้องพยายามสร้างให้ได้
เพื่อเป็นเครื่องจักรผลิตเงิน มีกินมีใช้แม้วันไหน
หยุดงานแต่ก็ยังมีเงินเข้า
ทุกวันนี้เราตื่นตัวกันมากขึ้นกับการสร้างรายรับ
ให้ได้หลายช่องทาง จึงไม่แปลกที่ในหัวของ
หลายคนไม่สามารถหยุดคิดได้เลย
แม้จะหมดเวลาของงานประจำไปแล้วแต่ก็ยัง
ทำงานเสริมกันให้วุ่นไปหมด
คนที่เป็นมืออาชีพจริงต้องบริหารให้ดี
ไม่ให้งานเสริมมาเบียดเบียนงานประจำหรือ
ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
บางคนขายของออนไลน์ดีมากครับ
ตอบ inbox ลูกค้าแบบไม่ต้องหลับต้องนอน
สุดท้ายไปนั่งสัปหงก หัวโขกโต๊ะทั้งวัน
ผลงานมีแต่แย่ลง จนเพื่อนร่วมงานส่ายหน้า
ทุกคนก็อยากทำงานที่สร้างชีวิตกันทั้งนั้น
แต่ก็ต้องทำงาน หาเงินและประสบการณ์จาก
งานเลี้ยงชีวิตเพื่อไม่ให้ตัวเองขัดสน หรือสร้างหนี้
วันนี้หลายคนอาจมองไม่เห็นงานที่สร้างชีวิต
เพราะยังไม่รู้ว่างานที่ใช่ คืออะไร หรือชั่วโมงบินต่ำ
จนไม่รู้ว่าจะพัฒนาต่อยอดความรู้เดิมไปสู่ไอเดีย
ใหม่ ๆ ได้อย่างไร
สิ่งที่ต้องทำคืออย่าหยุดคิด อย่าหยุดทำเป็นอันขาด
ยึดไว้ซึ่งเป้าหมาย ส่วนวิธีการนั้นให้ลองผิดลองถูก
โดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค
ถ้านึกอะไรไม่ออก ให้นึกถึงเจ้าแมงมุมนะครับ
มันอุตสาหะในการสร้างใย เพราะมันรู้ดีว่าเมื่อ
เครือข่ายใยแมงมุมของมันแล้วเสร็จเมื่อไหร่
มันก็แค่นอนตีพุง รอเหยื่อเข้ามาให้สวาปาม
เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร
แบบนี้เรียกได้ว่ามีทั้งอุดมการณ์แถมยังอุดมกิน
ไม่เจริญรุ่งเรืองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com