ตั้งใจทำงานนะ… เพื่ออนาคตที่ดี
อืม… อนาคตที่ดีร่วมกับใครล่ะ ?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผลจากการบ้างานทำให้
ชีวิตคู่ต้องกระทบกระเทือน จนเหลือแค่
ภาพความทรงจำในอดีต
โอเคล่ะ… ในมุมทำงานเราอาจไปช้อน
เพื่อนร่วมงานที่เคยร่วมงานกันกลับมาได้
เพราะอย่างไรเสียมันก็มีเรื่องผลประโยชน์
จึงอดทนร่วมทางกันเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะสั้น
ซึ่งมันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไรนัก
แต่เรื่องความรักมันเป็นอารมณ์และความรู้สึก
ล้วน ๆ… มนุษย์เรารักกัน สร้างครอบครัวกัน
ทั้งที่ยังไม่พร้อมแต่มันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ผมเห็นใจคนยุคนี้สุดขั้วหัวใจนะ
ไอ้เรื่อง “work ไร้ balance.” มันขึ้นสมอง
จากการที่ทำงานที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะบนเตียง
หรือนั่งบนฝาชักโครก เราก็ยังประชุมหรือ
ติดต่อลูกค้าได้แบบไหลลื่นสุด ๆ
จริง ๆ แล้ว “work ไร้ balance.” มันก็มีข้อดี
ของมันแหละ มันบอกว่าเรากำลังพบกับงาน
หรือช่วงเวลาที่ต้องกอบโกยอะไรบางอย่าง
ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเงินทอง, ประสบการณ์
หรือสนองความต้องการเราสักเรื่องก็เหอะ
มันทำให้เราต้องทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อ
คว้าไว้
ดังนั้น…
ช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีให้กัน
ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน
ความรัก ความห่วงใยกันและกันจึงค่อย ๆ
เลือนลางไปโดยไม่รู้ตัว
การเปิดอกเปิดใจคุยกัน วางแผนอนาคตร่วมกัน
จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตคู่
Work Life balance. อันว่าด้วยการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตประจำวัน
มันเป็นแนวคิดที่เป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก เพียงแต่ช่วงชีวิตและช่วงวัยเรามันต่างกัน
การหาจุดพอดีว่าเรื่องไหนสำคัญกว่าก็ดี
การทิ้งงานที่ไม่จำเป็นบ้างก็ดี
การปฏิเสธผู้อื่น และขอความช่วยเหลือจาก
ผู้อื่นบ้างก็ดี… ทั้งหมดเพื่อให้ชีวิตมันง่ายขึ้น
การที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตเดียวนี้
มันไม่จำเป็นต้องทิ้งใครไว้เบื้องหลังเลย
ถ้าไม่จำเป็น เรามีบทเรียนจากประวัติศาสตร์
เยอะแล้ว เรามีความรู้ใหม่ให้ค้นคว้ามากมาย
เอ… หรือว่าที่มันไม่เคยง่าย เพราะเรายังไม่
เข้าใจความต้องการของตัวเองกันแน่นะ
แล้วใครเขาจะเข้าใจเราล่ะทีนี้…
ตื่นจากฝันทีแล้วหาทางกันเถอะ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจาก @karmanverdi