ตอนเป็นเด็กเรานับวันคืนไปข้างหน้า
พอแก่ตัวขึ้นมาเรากลับนับวันเวลาที่เหลือ
มีคนบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่ต่างจากทริปสั้น ๆ
ดังนั้นขอให้สนุกกับมัน” ซึ่งมันก็ฟังมีน้ำหนัก
ดีนะครับ หากแต่ในชีวิตจริงกว่าจะคิดแบบนี้ได้
ก็คงเข้าสู่ยุคกลางคนจนถึงยุคสูงวัยไปแล้ว
ประเด็นคือทำไมเราต้องปล่อยวันเวลา
ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ทั้งที่สนุกกับมันได้
ฝึกการมองแบบวัยกลางคนตั้งแต่ตอนนี้
คือ มีอีกหลายอย่างที่เราต้องจำและมี
อีกหลายอย่างที่เราต้องลืม
เด็ก ๆ นั้นมีอะไรให้จำอีกเยอะ เพราะชีวิต
ช่างสนุกสนาน น่าค้นคว้าไปเสียหมด
มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นทุนเดิม
เรียนรู้ทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน
คนอายุมากแล้ว ก็ต้องลืมอดีตที่มันขมขื่น
เหตุการณ์ที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
ก็ฝึกปล่อยวางได้แล้ว
มีคนเคยบอกผมครับว่ามีเคล็ดลับยืดเวลา
ผมไม่เชื่อ… แล้วผู้อ่านเชื่อมั้ยครับ ?
พอ ๆ กับบอกว่ามีเคล็ดลับหดเวลามั้ย
มันก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดี
แต่ลองคิดดูสักนิด
จริง ๆ แล้วการที่เรามีความสุขในการทำกิจ
อะไรบางอย่าง หมกมุ่น มี passion กับมัน
มันคือตัวปั่นให้เวลาหมดไปอย่างรวดเร็ว
เปรียบดังเครื่องหดเวลาอย่างไรอย่างนั้น
แต่เมื่อพบกับภาระกิจที่น่าทุกข์ใจ
ไม่อยากแม้แต่จะคิดจะลงมือทำ
ก็ทำให้ใจไม่พองโต ทำไปแบบขอไปที
จนนาทีผ่านไป วันปีผ่านไปอย่างไร้ค่า
มันคือเครื่องยืดเวลาดี ๆ นี่เอง
สังเกตคนที่ทำงานไปวัน ๆ สิครับ
นั่งดูเข็มนาฬิกา จับผิดว่าเข็มสั้น เข็มยาว
เดินช้ากว่ามาตรฐานรึเปล่า รอเวลากลับบ้าน
สุดท้ายอนาคตก็เลือน เพื่อนร่วมรุ่นไปไวกว่า
ช่างน่าท้อแท้ใจ
เอาล่ะ ไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นคนรุ่นไหน
เราก็ต้องจำกฎของโลกไว้ให้ขึ้นใจ
“ไม่มีใครหลีกเลี่ยงความแก่ได้
เราจึงต้องเติบโตไปพร้อมกับมัน
เราเติบใหญ่ขึ้นมาได้ด้วยสิ่งที่เรารับเข้าไป
แต่สิ่งที่ทำให้โลกคิดถึงเรา คือสิ่งที่เราให้”
ขอให้ทุกท่านมีวันเวลาที่สวยงาม
ขาดกำลังใจจากภายนอก ก็สร้างจากภายใจ
อยู่ให้ได้แม้วันที่ไม่มีใคร แข็งแรงเมื่อใด
ก็ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ
ขอบคุณภาพจากเพจ Solidao