“ชีวิตไม่ใช่ละคร ข้ามไปตอนจบเลยก็ได้”
อยากจบแบบไหนก็ตั้งเป้าหมายซะ
แล้วย้อนมาดูกระบวนการปัจจุบันว่า
ไปตอบโจทย์วิสัยทัศน์ตนหรือไม่ ?
แน่นอนครับว่า…
การนั่งดูละครหรือหนังสักเรื่อง
เราก็ต้องชื่นชอบหนังที่มันเดาตอนจบไม่ออก
ยิ่งหักมุม ยิ่งซ่อนเงื่อน ยิ่งชื่นชอบ
ชนิดที่ว่าดีแล้วบอกต่อ
หากมีใครสปอยล์หนัง หรือเล่าฉากสำคัญ
เป็นฉาก ๆ ให้กับเราโดยที่เราไม่ได้ขอร้อง
เป็นต้องมีเคืองถึงขั้นเลิกคบไปพักใหญ่
ต่างจากชีวิตจริง
ที่เราเองต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
หรือถามแบบชาวบ้าน แบบเข้าใจง่ายว่า
“ชีวิตนี้อยากเป็นอะไร ?”
“ตายไปแล้ว อยากให้เขาเล่าถึงว่าอย่างไร ?”
แล้วสร้างสรรค์ผลงานให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
เช่น ชีวิตนี้อยากมีบ้านสักหลัง, มีรถสักคัน
ก็ต้องตั้งเป้าหาเงินเยอะหน่อยและปักธง
ว่าต้องสำเร็จในกี่ปี
คนที่รักอิสระหน่อย ตั้งเป้าชีวิตว่าก่อนตาย
จะขอเดินทางรอบโลก ก็มาดูสักนิดว่าไหวมั้ย
จะไปในฐานะนักท่องเที่ยวหรือทำอาชีพเป็น
ไกด์พาเที่ยวดี…? ต้องลองออกแบบตั้งแต่
เนิ่น ๆ
มันเป็นการคิดย้อนกลับ ตามข้อคิดของ
Stephen R. Covey ที่บอกว่า
“Begin with the end in mind”
แปลเป็นภาษาไทยว่า
“จงเริ่มต้นที่จุดหมายสุดท้ายในใจตน”
ว่าแต่ว่า…
ตอนนี้รู้หรือยังครับว่า… ชีวิตนี้ต้องการอะไร ?
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
======
ทุกท่านสามารถติดตามทุกความเคลื่อนไหวที่
http://www.2bfranchisedd.com/category/ข้อคิดคนทำงาน/
“นำเสนอปรัชญาชีวิต สร้างแรงผลักดัน
แรงบันดาลใจในการทำงานให้กับคนทำงาน
พร้อมให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
ที่สนใจขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์
อย่างจริงจัง”
ขอบคุณภาพจากเพจ Platonic mind