ผีเห็นผี

ผู้ติดตามหรือคนใกล้ตัวเรานั้น…
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรู้​สึกร่วมกับเรา
บางคนมาเพื่อเสพข่าว​ ดูว่าเรามีสารทุกข์สุกดิบ​
อย่างไร​ แต่แค่ดูเท่านั้น​ ไม่ได้มีแอคชั่นใด​ ๆ

บางคนเมื่อเห็น​เราทุกข์​ก็เสนอไมตรี​อันดี
ยื่นหูรับฟัง​ ยื่นมือช่วย​เหลือตามกำลังที่มี
มีบ้างที่อาจจะทั้งบ่น​ไปสอนไป​ แต่สุดท้าย​
ก็ไม่ทิ้งกัน​

แต่บางคน… หรือบางกลุ่มนี่สิ
ไม่เคยให้ความช่วยเหลือ​เลย
ซ้ำยังทับถม​ เอาเรื่องของเราไปเล่าต่อสนุกปาก
ให้เกิดความเสียหาย​ คนประเภทหลังนี้มีมาก
ในสังคม​ ต่อหน้านั้นพูดดีแต่ลับหลัง​ทิ่มแทง
​กันพรุน

ประเด็น​คือไม่มีใครหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้
การป้องกัน​แต่แรกย่อมดีกว่าแก้ไข​
คำกล่าวคบคนให้ดู​หน้า​ ซื้อผ้าให้ดูเนื้อเหมือน​เป็นเรื่องง่ายแต่กลับเป็นสิ่งที่ทำยากสุด​ ๆ
แต่ก็ต้องฝึกทำ​ จะได้เป็นภูมิต้านทาน​ให้ตัวเอง

สมัยที่ผมทำงานบริหาร​ทรัพยากร​บุคคล​
ในส่วนงานสรรหา​และคัดเลือก​ มักมีตลกร้าย
กล่าวถึง​วันสัมภาษณ์​งานว่าเป็น​
“วันตอแหลแห่งชาติ” คือ​ ​ผู้สมัคร​งานมัก
พูดให้อะไรต่อ​อะไร​มันดูง่ายไปหมด
ทำนองเออออห่อหมก​เพื่อให้ได้งาน
และซ้อมบทอย่างหนักในการอ้างสรรพคุณ​
จนผ่านการสัมภาษณ์​ได้

แต่เมื่อทำงานไปสักพัก(เริ่มหมดโปรฯ)​
ตัวตนที่แท้จริงก็เริ่มปูดออกมา​
จนเมื่อถึงคราวก็จำต้องแยกทาง(ทำงานไม่ได้​อย่างที่คุย)​ นั่นคือที่มาว่า​ ทำไมจึงมีเครื่องมือวิเคราะห์​คน, จับพิรุธ​ จับผิดมากมายออกมาเพื่อลดความผิดพลาดในการรับคนเข้าทำงาน
แต่ถามว่ามันได้ผลจริงหรือ…?

ชีวิตจริง​เรา… จะมีโอกาสได้วิเคราะห์​เพื่อนใหม่
, เพื่อน​เก่า, ผู้​ติดตามและคนใกล้ตัวอย่างเป็นขั้น​เป็น​ตอน​เชียวรึ… มันยากนะ​ เอาเป็นว่า
ทิ้งเรื่องศาสตร์​ไป​ มาโฟกัส​เรื่อง​ศิลป์มาก​ขึ้น
ไอ้คนพวก”ปากปราศรัย​ น้ำใจเชือดคอ”
ก็คบมันไว้เพื่อผลประโยชน์​บางอย่าง​ซะ
ในขณะเดียวกัน​ถ้าไม่มี​ผลประโยชน์​อะไร​เลย​
ให้พิจารณา​อยู่ห่าง​ ๆ​ ไว้​ มันคือกลุ่มคนที่
ศีลไม่เสมอกัน​ คบกันไปแค่ประคอง

คนมันแห่มีกิ๊กกันได้… ทำไมชีวิตด้านการทำงาน​
จะมีการคบแค่ผลประโยชน์​ระยะสั้น​บ้าง
จะทำไมล่ะ…?

“ผีเห็น​ผี​โว้ย!!!”

ขอบคุณ​ครับ​
ธน​บรรณ​ สัมมาชีพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *