“เพื่อนมีไว้คิดแบ่งปันว่า…นี่ของเธอ
หุ้นส่วนมีไว้คิดแบ่งแยกว่า…นี่ของใคร”
คุณดังตฤณกล่าวไว้ว่าฟังนะครับ
จนเป็นเหตุให้ผมต้องมานั่งเขียนบทความยิก ๆ
ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอีกสักหน่อย
เมื่อชีวิตรุ่งเรือง เพื่อน ๆ จะรู้จักเรา
แต่เมื่อชีวิตต้องตกอับ เมื่อนั้นเราจะรู้จักเพื่อน
มันเรื่องจริงที่เตะกระดองใจเรามายาวนาน
เพราะตั้งแต่เกิดจนหัวหงอก เราล้วนต้องมีเพื่อน
ไม่ว่ามันจะเพื่อนแท้หรือเทียมก็ตาม
ถ้าคนเรามันดีตลอดได้ มันก็คงดี
แต่ทฤษฎีหมายเลข 7 มันพยายามชี้ว่า
คนเรามันเปลี่ยนใจตลอดเวลาครับ
ลองคิดตามนะ
เมื่ออายุ…
1-7 ปี เราเริ่มใช้ชีวิตแบบผ้าขาวเลย
7-14 ปี เริ่มเรียนรู้โลกจากตำราและโรงเรียน
14-21 ปี เริ่มโตแล้ว อยากมีแฟน วัยรุ่นเต็มตัว
21-28 ปี ปิดตำรา ออกหางานทำ
28-35 ปี วัยทำงานเต็มตัว หายใจเข้าออกเป็นงาน
35…ปีเป็นต้นไปก็มีครอบครัว หรือทำงานหนักขึ้น
เมื่อเราพบสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เราก็ต้องปรับตัว
เพื่อความอยู่รอดและไม่โดนเอาเปรียบ
ส่วนใครที่หนักหน่อยก็กลายร่างเป็น
พวกชอบเอาเปรียบคนอื่นซะงั้น
นั่นมันเพราะเหตุผลง่าย ๆ คือ “กูต้องรอด” นั่นเอง
วันนี้ใครมีเพื่อนแท้ ต้องรักษาให้ดี
มีมิตรแท้ต้องรักษาไว้ ไม่ใช่ไปเอาเปรียบ
เราอยู่ใกล้คนเช่นไร เราก็จะเป็นคนเช่นนั้น
เราอยู่ใกล้มิตรสหายที่ดีเราก็จะโน้มเอน
ไปในทางที่ดี
คนดี ๆ ในชีวิตบางทีก็ไม่ได้นั่งรอเราอยู่ปลายทาง แต่เรานี่แหล่ะ ที่ต้องสร้างโอกาสขึ้นมา
หาเขาให้เจอ ปั้นเขา ดูแลเขาให้มาอยู่เคียง
ตรงจุดที่เรายืน เพราะเดินทางคนเดียวมันเหนื่อย ลองหาเพื่อนที่ดีสักคน หรือคู่ชีวิตที่ดี
น่าจะบรรเทาความเหนื่อยได้พอสมควร
เคยได้ยินมั้ยครับ
“วันที่เรามีสุข เขาทำให้มันคูณสอง
วันที่เราทุกข์ เขาช่วยหารสองให้เรา”
ถ้าเจอเขาคนนั้นแล้ว… กอด ๆ ครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com
======
ภาพจาก Thanaban โดย Midjourney