บ่ายแก่ ๆ วันหนึ่ง… ลาของชาวนาตกลงไปในบ่อน้ำเก่า มันร้องขอความช่วยเหลือเป็นเวลา
นานหลายชั่วโมงติดต่อกัน จนในที่สุด
ชาวนาได้ยินเสียงเข้าและร่วมมือกันช่วยเหลือมัน
หนึ่งในชาวนาให้ความเห็นว่าเจ้าลานั้นแก่เกินไป
และบ่อน้ำก็แห้งไปนานแล้ว ดังนั้นการช่วยเหลือลาจากบ่อน้ำจึงไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เขาขอแรงเพื่อนบ้านให้แต่ละคนหยิบพลั่ว
และทิ้งดินลงในบ่อน้ำเพื่อถมบ่อน้ำซะ
ส่วนเจ้าลาเหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง
จึงเริ่มร้องไห้และร้องขอความช่วยเหลือ
ขึ้นอีกรอบด้วยความหวังอยากมีชีวิตรอด
แต่ผ่านไปสักพักใหญ่…
สิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกใจคือ เจ้าลาหยุด
ร้องคร่ำครวญ จนชาวนาต้องมองไปที่
ก้นบ่อน้ำ เขาได้เจอเรื่องประหลาดใจ
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ…
เจ้าลากำลังทำสิ่งที่เหลือเชื่อด้วยกีบของมัน
มันแต่งดินที่เหล่าชาวนาเทลงไปให้เป็นขั้น
สำหรับก้าวขึ้นมา และไม่นานทุกคนก็เห็นลา
โผล่มาถึงปากบ่อ มันบรรรจงเหยียบขอบบ่อ
และถีบตัวออกมาให้พ้น จากนั้นวิ่งเหยาะ ๆ ด้วยความดีใจที่ยังมีชีวิตรอด
แน่นอนครับว่า… เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ
แต่ถ้ามันช่วยเป็นข้อคิดให้เราได้ฉุกคิด
ถึงสัจธรรมชีวิต มันก็เป็นเรื่องน่ายินดี
ชีวิตเราจะมีช่วงที่ล้มลง ช่วงที่อ่อนแอที่สุด
ช่วงที่หมดผลประโยชน์กับใครต่อใคร
จะมีใครที่ไหนช่วยเราได้…?
รักตัวเองให้มากขึ้น ต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ต่อให้ใครหน้าไหน
มาย่ำยีก็อย่าด้อยค่าตัวเอง
ความสำเร็จมันต้องใช้เวลา อย่าด่วนถอดใจล่ะ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจากเพจ
Thinking minds