“สมาธิ สติ ปัญญา”

“สมาธิ สติ ปัญญา”
ทำไมจึงมักเรียกว่า “สติปัญญา” ต่อกัน
(สติ+ปัญญา)​ เพราะปัญญาจะเกิดได้ต้อง
มีสติเสียก่อน​ และก่อนจะมีสติได้นั้น ต้องมี
สมาธิหรือความตั้งมั่นของจิตด้วยประกอบกัน

บทเรียนชีวิตจากลูกน้อง
ผมนั่งดูลูกน้องสองคน​ ชื่อเอกับบี(นามสมมุติ)​
– เอนั่งสไลด์มือถือทั้งวัน​
– ส่วนบีทำงาน​แบบไม่วอกแวก​

ผลงานของบี​ คนที่ไม่วอกแวกนั้นดีกว่า
เพราะมีสมาธิยาว​ (ไม่จับมือถือมาเล่น)​
หรือใจอยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา

ส่วนเอ คนที่สมาธิสั้นนั้นจะมีปริมาณ​งานน้อย
แถมงานมีคุณภาพ​ต่ำ ด้วยจิตใจไม่ได้จดจ่อ
และแน่นอนว่าใจไม่ค่อยอยู่​กับเนื้อกับตัว
จนสังเกตได้

ผมไม่ได้มีเจตนานินทาลูกน้อง
แค่เมื่อเห็นดังนั้นก็หยิบมาสอนใจตัวเองว่า…
ผมเองก็เหมือนมีเด็กสองคนนี้อยู่ข้างใน
ถ้าเผลอฟุ้งซ่าน​ก็เหมือนเอ
ถ้ามีสติก็ผลิต​ผลงาน​ได้ดีเหมือนบี

คนที่จะสร้างผลงานคุณภาพ​ได้ต้องมีสติ
รู้ตัวว่ากำลังทำงาน​ โฟกัสไปที่งานตรงหน้า

คนที่จะเสียงาน​ มักเริ่มจากฟุ้งซ่านในเวลางาน
ไม่อยู่กับปัจจุบัน​ขณะ​ แยกไม่ออกระหว่าง
“งานสำคัญหรือไม่สำคัญ” กับ
“งานเร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน”
สุดท้ายก็โดน”งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน”
เล่นงาน​เข้าจนได้

การฝึกสมาธินั้น​ ต้องศึกษากันเอาเอง
(ค้นหาใน​ Google, Youtube​ มีเพียบ)​
เมื่อสมาธิยาวเมื่อไหร่​ เราก็ได้สติ​ ทำงานได้สำเร็จ​เร็วขึ้น​ แถมสิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือจิตใจ
ที่แข็​งแรง​ มั่นใจตัวเอง​ เปล่งปลั่ง​จากภายใน

ถือว่าเล่าสู่กัน​ฟัง​นะครับ
ผมเองก็มีช่องว่างระหว่างวัย​กับลูกน้อง
ร่วม​ 20​ ปีได้​ จึงค่อยบอกค่อยสอนกันไป
ความสำ​เร็จ​ของ​ลูกน้อง​หรือลูกศิษย์
มันก็คือความสำ​เร็จ​ของเรานั่นแหละ
ดังนั้นโจทย์​ที่จะทำให้พวกเขามี “สติปัญญา”
จึงเป็นโจทย์​ที่เราต้องแก้​ ต้องวางแผน​ลงมือทำ
จริงมั้ยครับ…?

หวังว่าทุกท่านจะได้ข้อคิดดี ๆ กันเช่นเคยครับ

ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com
======
ภาพจาก Thanaban โดย Midjourney.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *