ต่อให้เราจะมีความสุขมากแค่ไหน
เราก็จะยังมีเงาแห่งความกลัวจ้องตะครุบ
อยู่ข้างหลังอยู่ดีมันคือความ
“กลัวว่าวันเวลาแห่งความสุขจะสิ้นสุขลง”
วันที่เรามีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทอง ครอบครัวที่ดี
ชีวิตคู่ที่เข้าใจกัน มิตรสหายที่แน่นแฟ้นขนาดไหน
แต่เงาแห่งความกลัวมันก็ไม่เคยหายไปไหนหรอกนะ
ก่อนนอนทุกคืนเราอาจคิดว่าสักวันต้องพลัดพราก
จากสิ่งของหรือสิ่งแวดล้อมอันเป็นที่รัก
พูดไปก็น้ำตาซึมเอาง่าย ๆ
แต่ในเมื่อชีวิตมันต้องเดินต่อไปเราต้องเหยียบ
ความกลัวนั้นไว้ ด้วยในใจเราต่างรู้ซึ้งดีว่า
เงาทั้งมวลจะหายไปเมื่อแสงสว่างมาเยือน
พระท่านบอกว่า “สติ” คืออาวุธที่ใช้สยบความกลัว
และแน่นอนว่าเมื่อมีอาวุธในมือแล้ว อันดับต่อไป
มันคือการกล้าเผชิญหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ
พระไพศาล วิสาโล เคยบอกวิธีจัดการความกลัว
ไว้ดังนี้ครับ
1.อย่าคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่งไปไกล
2.ทำความคุ้นเคยกับที่นั้น ๆ
3.กลัวอะไร ให้ลองอยู่กับมันไปเลย
4.ตั้งสติมองดูความกลัวนั้น
ผมเคยกลัวเรื่องค้างจ่ายหนี้ครับ
ระยะแรกต้องหลบหน้าพวกตามหนี้กันพักใหญ่
พอตั้งสติศึกษาเพิ่มเติมก็กลับไปเจรจากับเจ้าหนี้
ทุกรายได้แบบโล่งใจ
ผมเคยกลัวการนำเสนอในที่ประชุม
พอตั้งสติได้ มันคือการเตรียมพร้อมเรื่องข้อมูล
ต่างหาก หากทำงานจริง ลงรายละเอียดจริง
มันแทบไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
หลายคนก็กลัวทั้งนั้นแหล่ะครับ
แต่อย่าปล่อยให้มันครอบงำชีวิตเราได้
ฝึกสติ ฝึกดูใจของเราไว้ ฝึกหาคำตอบให้กับทุกเรื่อง
ที่จะกระทบกับชีวิตไว้ หยุดคิดไปเองในเชิงลบซะ
ถ้าเรามีคำตอบให้กับทุกเรื่อง มองทุกเรื่องว่ามี
ประโยชน์ มันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้วครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com