“ไม่เข้าถ้ำเสือ เอ็งก็ไม่ได้ลูกเสือ” ประโยคนี้
เอาไว้ใช้ปลุกใจนะครับ อย่าไปกลัวมัน
การที่เราจะโตขึ้น จะยิ่งใหญ่ขึ้น
ยังไงซะมันก็ไม่อาจเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง
ครั้งใหญ่ในชีวิตได้
อยากให้เงินเดือนสูงขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้น
ก็ต้องหอบความกล้าไปคุยกับหัวหน้า
อยากได้ตำแหน่งแชมป์ในสาขาวิชาใดก็ตาม
เราก็ต้องไปท้าชิงเพื่อยึดเหรียญทอง
อยากได้ลูกสาวเขามาเป็นคู่ครอง
เราก็ต้องใจกล้าไปคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิง
และที่หนักหน่วงยิ่งนัก คือ…
การไปขอร้องจากคนที่เราไม่ชอบหน้า
หรือไปขอความช่วยเหลือจากพวกคนใหญ่คนโต
ที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน คงไม่มีใครสะดวกใจ แต่มันจำเป็นต้องทำด้วยสาเหตุที่จำเป็น
เช่น ไปขอยืมเงิน(เห็นภาพขึ้นมาทันใด)
ของแบบนี้ให้ยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้งเลย
เราได้ เขาก็ต้องได้, ไม่มีใครช่วยเหลือใครฟรี ๆ
เราเองก็ต้องฝึกวิชาเจรจาต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมว
ไม่ตกเป็นเหยื่อสัญญาทาส ที่เอาอิสรภาพแลก
กับเงินจนชีวิตโงหัวไม่ขึ้น
ทุกครั้งของการเจรจามันไม่ได้การันตีว่า
จะจบที่ความแฟร์ แม้จำใจยอมรับข้อเสนอที่ไม่คุ้มค่าจากอีกฝ่ายแล้ว ผลการอนุมัติยังไม่ออกมาตามที่หวังก็ไม่ต้องเสียกำลังใจไป
ให้คิดว่าเราได้ลองทำเต็มที่แล้ว จากนี้ไปเอาเวลาและกำลังที่เหลือไปคิดหาหนทางใหม่ที่มันเวิร์คดีกว่า ส่วนปัญหาอื่นที่นอกจากเรื่องเงิน
ก็ต้องรวบรวมความกล้าเช่นกันนะครับ
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น… สู้ให้ถึงที่สุด
เพื่อครอบครัวของเรา… สู้ให้ถึงที่สุด
เพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของเรา… สู้ให้ถึงที่สุด
เพราะอะไรก็ตามที่ลงมือทำไม่สุด
มันจะหยุดและแช่แข็งเราให้อยู่กับที่
ซึ่งพูดตรง ๆ นะ… เมื่อเวลาผ่านไป
ชีวิตของเราในยุค A.I.แจ้งเกิด
ยุคที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ
ยุคที่สงครามโลกครั้งใหม่อาจจะบังเกิด
เมื่อใจไม่กล้า ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่กล้าต่อรองเจรจา
สิ่งนี้จะทำให้เรา “ล้าหลังโดยอัตโนมัติ”
ไม่ต่างอะไรจาก “ไก่อ่อน” … เจ็บนะ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com
======
ภาพจาก Thanaban โดย Midjourney