“ไม่กล้าขอ​ ก็ไม่ได้”

“ไม่กล้าขอ​ ก็ไม่ได้”
ในขณะเดียวกัน​ กล้าขอไป ก็ใช่ว่าจะได้
มันคือต้องลุ้นตามหลักความน่าจะเป็น
แม้โอกาสจะริบหรี่​แต่ข้อดีคือมันทำให้
เราหมดสงสัย​ เพราะได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว

ชีวิตทุกด้านของเรามันข้องเกี่ยว​กับการขอ
โดยที่เราไม่รู้​ตัว​ ตอนเป็นเด็ก​เราขอเล่นเกม
ดึกขึ้นแลกกับการช่วยทำงานบ้าน​ เช่น
ล้างถ้วย​ ซักผ้า​ ถูบ้าน​ฯ พอโตเป็นวัยรุ่น
ได้รู้จักเพื่อน​ใหม่​เราก็ขอคบเป็นแฟนกับเขา
ตอนเรียนเราก็ขออาจารย์​ขยายเวลาส่งรายงาน
พอวัยทำงานก็ขอเลื่อนตำแหน่ง​ ขอขึ้นเงินเดือน
ไหนจะขอเทวดา​ อยากถูกรางวัล​ที่หนึ่งสักงวด

ในเมื่อการขอมันมีข้อดีพอสมควร​ แต่ทำไม
หลายคนยังไม่อยากลงมือขอ​ หนึ่งในเหตุผล​ที่
อมตะที่สุด​ คือ​ “กลัวโดนปฏิเสธ​” นั่นเอง

ไม่ต้องตกใจไปหรอก​ คนทั้งโลก​ ทุกสาขาอาชีพต้องเคยโดนปฏิเสธ​กันทั้งนั้น​ อยู่ที่ว่าการตอบสนองต่อการปฏิเสธของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร​ ซึ่งเรื่อง​แบบนี้เป็นทั้งวิกฤติและโอกาสในคราว
้เดียว​กัน​ มันอยู่​ที่มุมมองส่วนตัว

อาชีพที่โดนปฏิเสธ​อยู่​เสมอคือ​อาชีพนักขาย
เขาเหล่านี้รู้อยู่​แล้วว่าลูกค้ามีหลายประเภท
และต่างมีกำแพง​ในใจ​ นักขายที่ข้ามกำแพงนั้นได้ก็ได้ขายของ​ หรือที่เรียกว่าปิดการขายได้

สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ในวันนี้คือ​ ก่อนเอ่ยปากขอ
ลองสำรวจตัวเองให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่า…
1.เปิดใจให้กว้าง​ ซึ่งเป็นผลพวงจากการ
ปฏิเสธ​ หากเราน้อมรับฟังเหตุผลที่โดนปฏิเสธ​ได้
เท่ากับว่า​ การขอในครั้ง​ต่อไป​จะมีโอกาส
ประสบความสำเร็จ​มากขึ้นกว่า​เดิม​ เช่น​
เมื่อไปขอเจ้านายขึ้นเงินเดือน​ แล้วโดนปฏิเสธ​
กลับมา​ เจ้านายก็อาจยกข้อควรปรับปรุง​ของเรา
มาให้ฟังเป็นข้อ ๆ​ หากได้รับการปรับปรุง​แล้ว
ค่อยมาคุยกันใหม่​ แบบนี้มันก็พอมีหวัง
… จริงมั้ยครับ
2.ทำตัวสุภาพ​ หมั่นรักษาบุคลิกภาพ​ให้ดีเสมอ
เพราะบุคลิกภาพ​ที่ดีจะทำให้เราชนะใจคู่สนทนา
ตั้งแต่​เรายังไม่ทันได้เอ่ยปากขออะไร​ และจริง​ ๆ
แล้วมันเป็นการให้เกียรติกัน​ เรื่องแบบนี้มีผลต่ออารมณ์​ความรู้สึก​ อย่ามองข้าม​เด็ดขาด​โดย
เฉพาะเราไปขอกับผู้อาวุโส​มากกว่า​ ยิ่งต้อง
ใส่ใจเป็นพิเศษ​
3.มั่นใจเสียก่อนว่าเราได้ช่วยเหลือ​ตัวเอง​
เต็ม​ที่แล้ว​ เพราะระหว่างคนที่มีหัวใจนักสู้​
กับคนที่ชอบงอมืองอเท้า​ คนทั่วไป​คงเลือกสนับสนุน​คนประเภท​แรก​ ด้วยเหตุผล
ที่ว่าเมื่อช่วยไปแล้ว​ เขามีโอกาสเติบโต​ได้จริง
เหมือนช่วยไปแล้วไม่เสียแรง​หรือไม่สูญเปล่า​

นอกเหนือจาก​นี้​ การให้โดยที่ผู้ขอไม่ต้อง
เตรียมตัว​อะไรมากมันก็มีให้เห็นเยอะครับ
ซึ่งก็ปัจจัย​อื่นที่แล้วแต่อารมณ์​แต่ละคน​
แล้ว​ล่ะ​ เช่น​ ให้เพราะมี​ passion​ ตรงกัน,
ให้เพราะถูกชะตา, ให้เพราะ​ First​ impression
, ให้เพราะอยากแบ่งปัน​ ซึ่งไม่ต้องมีเหตุผล​อะไร
มาประกอบเลยสักนิด

ผมยกตัวอย่าง​ง่าย​ ๆ​ แบบนี้ครับ
อ่านบทความนี้แล้วช่วยกดถูก​ใจกันคนละครั้ง
เพื่อเป็นกำลัง​ใจ​ให้ผู้เขียน​ ส่วนใครจะช่วยแชร์​
ก็จะขอบคุณ​มากเป็นอย่างยิ่ง

จะเห็นได้ว่าผมเริ่มต้นกระบวนการ​ขอแล้วใช่มั้ยครับ…? ที่ผมเล่ามาตั้งนาน​ แค่อยากบอกว่า
“ด้านได้​ อาย​ อด” เท่านั้นเอง​
สั้น​ ๆ​ แต่ได้ใจความเนอะ

ขอบคุณ​ครับ
ธน​บรรณ​ สัมมาชีพ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *