“เมื่อเราไม่มีหัวโขน ไม่มียศตำแหน่ง”
การถูกปีนเกลียวบ้าง ถูกแหย่เล่นบ้าง
ถูกเมินบ้าง ถูกลองของบ้าง ฯ มันก็พอได้นะ
ถ้าไม่ก้าวออกจากกรอบเดิม ชีวิตคงขาดสีสัน
ไปเป็นกอง วันนี้เลยขอมาเล่าสู่กันฟังครับ
ชีวิตการไปเป็นวิทยากรให้กับบุคคลหรือ
หน่วยงานภายนอกต่างจากการสอนลูกน้อง
ในสังกัดเรามากยิ่งนัก เพราะเมื่อเป็นเด็ก
ในสังกัดเรา ใครจะกล้าหือล่ะ
บอกซ้ายหัน ขวาหันได้ แม้ไม่เต็มใจก็ต้องทำ
เพราะหน้าที่และตำแหน่งตามผังองค์กรมันข่มไว้
แต่กับบุคคลภายนอกนั้นกลับตรงกันข้าม
เบื้องต้นเขาไม่สนใจหรอก (คนส่วนน้อย
แต่ทำเสียทั้งกลุ่มได้) ถ้าเราไม่มีเทคนิคโน้มน้าวหรือล่อใจเขาได้
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมยิงคำถามให้เด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งดูไม่ค่อยสนใจเรียนเท่าไหร่ว่า
“รู้มั้ยครับว่า… ทำไมเราต้องมาเรียนเกี่ยวกับหัวข้อในวันนี้” เขาตอบกลับมาว่า
“เอาไว้ให้หมามันถามครับ”
เท่านั้นแหละครับ… อึ้งกันไปทั้งห้อง
แต่ผมรับมือได้(ขอไม่อธิบายว่ารับมืออย่างไร
เพราะเดี๋ยวจะยาว)และสุดท้ายงานอบรมก็จบ
ลงด้วยดีเช่นทุกครั้ง
นี่คือ… สถานการณ์ที่ต้องรับ ต้องปรับตัว
ทุกคนที่มานั่งเรียนกับเรา เขาไม่รู้หรอกว่า
ผู้สอนเป็นใคร มียศตำแหน่งอะไร
มันกลายเป็นโจทย์ของเราว่า
ด้วยสิ่งที่เรามีและจะมอบให้เขานั้นมันมีค่า
แต่จะใช้เทคนิคอะไรในการส่งมอบ
จะเปลี่ยนทัศนคติคนเรียน เปิดใจคนเรียนอย่างไร
ผมไม่สามารถบังคับใครให้เรียนได้
ประตูห้องเปิดกว้างเสมอ มีหลายคนที่เดินออกไป
แต่คนที่อยู่เรียนกับผมนั้น ผมมั่นใจว่าพวกเขา
“ได้สิ่งที่ดีที่สุดจากผมไปแล้ว” ตามหัวข้อที่กำหนดมาทุกครั้งไป
เจอกันวันอาทิตย์อีกแล้วนะครับ
พักผ่อนกันให้เต็มที่ล่ะ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ