ภาวะขาดความมั่นใจ
มันก่อตัวขึ้นแล้วโดยที่หลายคนไม่รู้ตัว
คุณมีเพื่อนแบบนี้มั้ย ?
ลงคอร์สสัมมนาเป็นงานอดิเรก
บางครั้งคอร์สที่มีเนื้อหาหลักสูตรเดิม
แต่พี่ท่านก็ลงเรียนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ด้วยเหตุผลที่ดูแปลก ๆ
เพียงเพราะอยากลองเปลี่ยนคนสอนใหม่
ยุคที่คนขาดความมั่นใจในตัวเอง
ต้องมีหลักประกันในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง
จนแต่ละวันแทบไม่ต้องทำอะไร
จะตัดสินใจอะไร เป็นต้องรอคอนเฟิร์ม
จาก mentor หรือพี่เลี้ยง ที่ปรึกษาแล้วแต่จะเรียก
ถ้าในแวดวงธุรกิจก็จะเจอเคสแบบนี้บ่อย
เพราะ mentor จะชอบเอาความสำเร็จที่ตนทำได้
มาขายในรูปแบบความรู้สำเร็จรูปที่ต้องลงทุน
ควักตังค์มาเรียน ซึ่งดูผิวเผินก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
แต่อีกมุมที่ผมอยากเล่าก็คือ
คนที่เสพติด mentor จนคิดอะไรเองไม่เป็น
ฟังแต่สูตรสำเร็จจาก mentor ที่เคยทำได้มาก่อน
ผ่านมาหลายปีวิธีการเดิมอาจใช้การไม่ได้
แต่ก็ยังทำตามแบบอัตโนมัติ
ผมเคยฟังกูรูทางการขายและตลาดท่านหนึ่งสอน
ผ่าน Youtube Chanel (ชื่อตัวย่อ ป.ปลา)
เป็นคนที่ผมนับถือเมื่อสัก 5 ปีก่อน
ท่านสอนทฤษฎี Sale Pipeline
คือการวัดผลจากการที่เซลล์วิ่งเข้าหาลูกค้า
ด้วยกระบวนการต่าง ๆ สุดท้ายแล้ว
ผลลัพธ์คือ ทำให้เราปิดการขายได้เงินจริง ๆ กี่คน
มาวันนี้ท่านสอนการตลาดแนวใหม่
ซึ่งต้องใช้ออนไลน์เป็นตัวนำ เพื่อให้สอดคล้อง
กับโลกปัจจุบันและการแข่งขัน
และนั่นทำให้ผมยังเคารพท่านอยู่
แต่ถ้าวันนี้ท่านยังสอนด้วยวิธีการเดิม ๆ
เช่น ไล่พนง.ขายไปแจกโบรชัวร์
โดยไม่ได้วิเคราะห์ช่องทางใหม่ในยุคปัจจุบันเลย
คงต้องบอกว่าเป็นเครื่องเล่นซีดีตกร่อง
เพราะหลักการดี แต่วิธีการต้องปรับแต่งให้เหมาะสมด้วย
======
mentor อีกคนนึงที่ผมก็นับถือ(ชื่อตัวย่อ บ.ใบไม้)
ผมซื้อหนังสือสร้างแรงบันดาลใจของท่าน
มาอ่านทั้งแบบหนังสือกระดาษและหนังสือเสียง
เคยถ่ายรูปคู่ และได้ลายเซ็นจากท่านถึง 2 เล่ม
mentor ท่านนี้ทำสำเร็จหลายอย่างมาก
1 ในนั้นคือเรื่องการลุกขึ้นมาให้คำปรึกษา
และเป็นพี่เลี้ยงให้กับคนธรรมดาจนถึงนักธุรกิจ
ที่อยากเป็นเซเล็บโด่งดังทำเงินได้ในโลกออนไลน์
ล่าสุดที่ผมดูราคาหลักสูตรที่สอนก็ราคาหกหลักไปแล้ว
mentor ท่านนี้เคยมีข่าวในทางที่ไม่ดี
เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ไม่ได้มาครั้งนึง
ที่เป็นข่าวค่อนข้างดังใน pantip
แต่เอาล่ะ … ผมคงไม่ไปคุ้ยว่าใครจะมีประวัติ
ดีหรือไม่ดีมากน้อยประการเพียงใด
แต่ขอพูดแบบกลาง ๆ ว่า
อย่าไปเชื่อ mentor แบบไม่ลืมหูลืมตา
ความสำเร็จของใครบางคน
แต่เมื่อนำไปใช้กับอีกคนมันอาจไม่สำเร็จก็ได้
ตัวอย่างที่ดีของ mentor หลาย ๆ คนต่างหาก
ที่เราควรเก็บมาเป็นแนวทางในการทำงาน
หรือแม้กระทั่งแนวทางดำเนินชีวิตแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ในชีวิตการทำงานคุณต้องเจอ mentor ในที่ทำงาน
mentor ที่เก่งเรื่องคนและเรื่องงาน
จะสามารถให้คำสอนที่มากคุณค่า
บางคนเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องงาน
และชีวิตที่บ้านก็ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี
โอ้โห…แบบนี้ดูดีมากครับ
แต่ mentor บางคนก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เพราะอาจเก่งแค่เรื่องงานแต่เรื่องคนกลับไม่เก่ง
บางคนกลับเก่งแต่เรื่องคนพอเรื่องงานดันไม่เอาไหน
และส่วนมากมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสียด้วยสิ
ที่ผมแนะนำส่งท้ายวันนี้ อยากบอกว่า
ทุกคนสามารถเป็น mentor เราได้หมด
ลองมองให้ทะลุดูสักครั้งด้วยใจเปิดกว้าง
ตัวอย่างที่ดีทำให้เรา รับลูกต่อได้เลย
ตัวอย่างที่ไม่ดี อันนี้เป็นเคสต้องห้าม
ทำให้เราต้องระแวดระวังมากขึ้น
mentor ในที่ทำงานหลายคนมีชีวิตในการทำงาน
น่ายกย่อง แต่ชีวิตหลังเลิกงานกลับไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
เช่น …เลิกงานก็ยังไม่กลับบ้านแต่ไปนั่งร้านเหล้า
เรียกเด็กนั่งดริงค์, ตั้งวงเล่นไพ่
แทงบอลหรือการพนันรูปแบบต่าง ๆ
การใช้ชีวิตเหมาะกับ mentor ที่ยังโสด
เพราะพฤติกรรมแบบนี้สามารถพัฒนาการต่อยอด
ไปสู่ปัญหาครอบครัวร้าวฉานได้อย่างดีเยี่ยม
ส่วน mentor ที่เลิกงานก็กลับไปหาครอบครัว
หรือมีกิจกรรมออกกำลังกาย
เข้าครัว มีงานอดิเรกอื่น ๆ เช่น อ่านหนังสือ
ปลูกต้นไม้ ,ดูทีวีและเล่นเกมส์บ้างนิดหน่อย
ถึงเวลาก็เข้านอน เพื่อเตรียมทำงานแต่เช้า
แบบนี้ย่อมน่าเอาเป็นตัวอย่าง
เพราะถือว่าใช้ชีวิตแบบไม่เสี่ยงมาก
สุขภาพน่าจะปลอดภัยกว่า mentor คนแรก
ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะครับว่า
ได้ข้อดีอะไรจาก mentor บ้าง
ส่วนข้อเสียอย่าไปเอามาล่ะ
ท้ายสุดนี้ด้วยความห่วงใจคือ
“mentor ปีศาจ”
เขาจะให้คำปรึกษา สอนสั่งเรื่องที่ผิด ๆ ให้คุณ
และที่ร้ายกว่าคือ คุณก็ดันเชื่อเขาไปทุกเรื่อง
เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง
ย้อนไปบรรทัดแรกอีกทีนะครับ
ภาวะขาดความมั่นใจมันเกิดขึ้นแล้ว
เพราะปีศาจมันกินความมั่นใจของคุณไป
วันนี้ต้องหยุด… ตั้งสมาธิให้ดีว่าจะเดินหน้าต่อไป
กับชีวิตของตนเองอย่างไร ?
ในชีวิตพบเจอ mentor ปีศาจอยู่หรือไม่ ?
เอาชนะเขาให้ได้
“ศิษย์ดีต้องเก่งกว่าครู”
“คนดี ๆ อย่างคุณ ต้องเก่งกว่า mentor ปีศาจ”
เห็นด้วยหรือไม่ ?
ตอบให้ผมชื่นใจหน่อยครับ