“ขอให้ปีหน้าได้เลื่อนขั้นทีเถอะ”
“ขอให้น้ำหนักลดลงสิบโลในปีหน้า”
“ขอให้ปีต่อไปมีรายได้มากกว่าเดิมสองเท่า”
“ขอให้… บลา ๆ ๆ”
พรที่จะขอในปีหน้า บังเอิญว่า…
มันก็เป็นพรข้อเดียวกันซ้ำกับปีนี้
ระทมหน้าอกข้างซ้าย ตำแหน่งหัวใจเสียนี่กระไร
อนิจจาก็ไม่เคยสมหวังสักที
เพราะสาเหตุข้อเดียว “ไม่ลงมือทำ”
พอผลัดวันประกันพรุ่งบ่อย ๆ หนักเข้า
มันก็กลายเป็นผลัดปีกันเลยทีนี้
ผมย้ำบ่อย ๆ ว่าจะทำอะไรให้สำเร็จสักอย่าง
อย่าไปนอนรอแรงบันดาลใจเด็ดขาด
คุณหิวข้าวแทบตาย คุณต้องลุกจากเตียง
ไปหุงข้าว แล้วปั่นจักรยานไปตลาดฝ่าแดดร้อน ๆ
มันถึงจะรอดครับ… อย่าไปรอแรงบันดาลใจ
คุณมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์เพื่อจะได้ทำงานบ้าน
ซึ่งหลายคนก็หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว
และแน่นอนว่า ถึงสภาพร่างกายจิตใจของคุณ
จะไร้เรี่ยวแรงเพียงใด คุณก็ต้องยังบังคับ
ให้ตัวเองซักผ้ากองโต จากนั้นก็รีด ๆ ๆ
ตัวแล้วตัวเล่า จนผ่านไปครึ่งวันแบบไม่รู้ตัว
ไม่งั้นวันจันทร์ก็ไม่มีชุดใส่ครับ
เมื่อลงมือทำอะไรก็ตามอย่างต่อเนื่อง
สมองมันจะมองว่าเป็นจึงจำเป็นเช่น ตื่นขึ้นมา
ก็ต้องล้างหน้าแปรงฟันโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องคิดอะไร ขาก็พาไปเสียแล้ว
การออกกำลังกาย, การคุมอาหาร
การเขียนรายงาน, บทความหรือหนังสือ
การเรียนหนังสือ, ฝึกดนตรี, การสวดมนต์
มันก็เช่นกัน หากทำทุกวัน สมองก็จะบอกว่า
“เฮ้ย… ทำแล้วเวิร์ค ทำต่อไปดีกว่า”
จึงไม่ต้องแปลกใจที่นาน ๆ ไปเจอเพื่อนที
แล้วสังเกตเห็นว่า เขาหล่อ เขาสวย หุ่นดีขึ้น
นั่นมาจากการวินัยของเขาล้วน ๆ
เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่สามารถก่อตัวขึ้นได้
ภายในวันเดียวเลย
ลองดูนะครับว่าตอนนี้พรที่้คุณจะขอในปีต่อไป
ยังเป็นเรื่องเดิม ภาระกิจเดิมอยู่อีกมั้ย
ถ้ายังใช่ รีบลงมือทำอะไรสักอย่างได้แล้ว
เริ่มจากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องคอย
แรงบันดาลใจ
และเพื่อปรับความเข้าใจอีกครั้ง
อย่าเที่ยวไปขอใครจากใคร เพราะคนที่จะทำให้
คุณสมหวังได้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
ใช่เลยครับ… “คุณต้องขอพรตัวเอง”
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจาก #otherviibes