ทำลายกรอบ

เราโดนสอนมาโดยตลอดว่าให้คิดนอกกรอบ
ทั้ง​ ๆ​ ที่ความจริงแล้วมันอาจจะไม่เคยมีกรอบ
มาตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้

คนเก่งสมัยนี้มีเยอะมากครับ​ หลายคนที่ส่อแวว
อนาคตไกลแต่พอได้งานประจำทำก็เริ่มแผ่ว
เพราะจะนำเสนออะไรก็ติดตรงที่ลูกพี่ไม่เห็นดีด้วย
พอนานวันเข้าก็เริ่มไฟมอด​ บางคนลาออกไปหา
งานใหม่หรือสิ่งแวดล้อม​ใหม่​ แต่ก็ยังมีอีกเยอะ
ที่ทนทำต่อไปพร้อมรับเงินเดือนเดิม​เพิ่มเติมคืออายุ

ที่จะคุยกันวันนี้ต้องการพูดถึงการทำลายกรอบ
ทั้งหลายแหล่ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
เช่น​ ไม่มั่นใจในตัวเอง, กลัว, ทำไม่ได้​ ฯ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้​มันมาจากทัศนคติ​ของเราล้วน​ ๆ

ตอนฝึกเขียนหนังสือใหม่​ ๆ​ ผมก็ผวานิดนึง
เมื่อบรรณาธิการ​บอกว่า​ ให้ฝึกเป็นวิทยากรด้วย
อ้าว… ซวยละว้า!​ ลำพังเขียนหนังสือให้จบเล่ม
ก็ว่ายากแล้วนะ​ นี่ต้องไปพูดหน้าห้องสอนคนอื่น
อีกด้วย​ มันจะไหวหรือ​ ?

แต่ด้วยการฝึกฝนและอาศัยความมั่นใจในตัวเอง
สยบความกลัวทุกอย่างไว้​ กลั้นใจเดินหน้าต่อ
ผมก็ต้องสานฝันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

การเขียนบทความลงเพจทุกวันทำให้ทักษะการเขียน
มีพัฒนาการ​จากนั้นก็เขียนหนังสือ​ได้คล่องขึ้น
จากนั้นการก้าวสู่การเป็นวิทยากรก็ต้องฝึกพูด
โดยผมเริ่มจากทำคอร์ส​ออนไลน์​ก่อนครับ

การทำคอร์ส​ออนไลน์​ทำให้้เราได้ฝึกพูดหน้ากล้อง
หากพูดผิดหรือไม่พอใจก็อัดใหม่ได้จนกว่าจะโอเค
ผมทำคอร์ส​ออนไลน์​ออกมาประมาณ​ 2​ คอร์ส​
จึงก้าวมาสอนสด​ต่อในเวลาไล่เลี่ยกัน​เพราะมี
ลูกศิษย์​เรียกร้องเข้ามา

ตอนสอนสดครั้งแรกก็มีปัญหา​เรื่องการใช้เสียง
และสื่อ​ แต่ด้วยจากการที่มีทีมงานคอยแจ้ง
จุดบกพร่อง​ ผมก็เก็บมาแก้ไขและพัฒ​นาตัวเอง
ต่อไปจนทุกวันนี้มันก็พอเอาตัวรอดได้

ทุกคนมีกรอบที่ต้องทำลาย​ หรือขยายกันทั้งนั้น
ไม่เช่นนั้นเราจะอยู่​ที่เดิม​ ไม่สามารถแก้ปัญหา​
ที่มีความซับซ้อนได้​ และกรอบเหล่านี้จะทำให้
ชีวิตเราถูก​แช่แข็ง​โดยไม่รู้ตัว​ จนเวลาผ่านไป
จึงสะดุ้งตื่นเมื่อพบว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน​
เขาประสบ​ความ​สำ​เร็จ​ไปก่อนหน้าแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม
จะคนมีกรอบ​ กรอบเล็กหรือกรอบใหญ่หรือไร้กรอบ
สำคัญคือเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ได้จึงจะถือว่า
สุดยอดจริงครับ​…. จบแบบห้วน​ ๆ​ แบบนี้ล่ะ

หวังว่าสิ่งที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟัง
จะมีประโยชน์​บ้างนะครับ

ขอบคุณ​ครับ
ธน​บรรณ​ สัมมาชีพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *