“ไม่ต้องบอกผมหรอกว่าคุณได้รับการศึกษา
มาอย่างไร บอกผมแค่ว่าคุณเดินทางมามาก
เท่าไหร่ก็พอ”
“Don’t tell me how educated you are,
tell me how much you have traveled.”
- Mohammed -
เป็นคำเปรียบเปรยที่เหมาะกับผมมาก
แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับพวกคุณหรือไม่นะครับ
ผมจะเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนหนึ่งให้อ่านกัน ดังนี้
ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมเป็นคนเรียนไม่จบปริญญา
แต่ชีวิตก็ดั้นด้นมาเป็นเจ้าของกิจการได้
แม้ปัจจุบันจะรับทำงานประจำแต่มันก็เป็นในฐานะ
หุ้นส่วนที่เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
เมื่อสักสองปีที่ผ่านมา ผมต้องเก็บกระเป๋าเดินทาง
เพื่อไปทำงานตรวจมาตรฐานสาขาทั่วประเทศ
ประเภทที่ว่าค่ำไหน นอนนั่น เดินทางสามสัปดาห์
พักอยู่บ้านหนึ่งสัปดาห์
มันคงเป็นเรื่องที่ดีหากตอนนั้นผมอายุสักยี่สิบต้น ๆ
แต่มันไม่ใช่เลย ผมอายุหลักสี่แล้วแถมไม่โสด
อีกต่างหาก แต่ด้วยภาระกิจของเราที่ต้องทำ
เพื่อให้บริษัท ฯ สามารถก้าวต่อได้ด้วยการทำงาน
ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีมาตรฐาน
ผมก็คุยกับครอบครัวและเก็บกระเป๋าออกเดินทาง
พ่อกับแม่เป็นห่วงมากครับ ว่าเดินทางอย่างไร
กินนอนที่ไหน ลำบากมากมั้ย ?
ภรรยาก็โทรหา แชทหากันตลอดเพราะการมีชีวิตคู่
ที่ห่างไกลกัน มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ทุกบ้านปรารถนา
เมื่ออยู่คืนนึงในฤดูฝน ผมได้ไปตรวจงานที่สาขาเพชรบุรีต้องเก็บของรีบย้ายโรงแรมหนีน้ำท่วม
ไปประจวบ ฯ ไม่งั้นน้ำท่วมรถแน่ครับ
คือค่าเช่าห้องก็เสียไปแล้ว แถมต้องฝ่าพายุฝน
ไปหาที่ ๆ ปลอดภัยจากภัยน้ำท่วม
ผมไปเกือบทุกจังหวัดในประเทศภายในหนึ่งปี
ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ในแต่ละภาค
ได้ไปสถานที่สำคัญของแต่ละจังหวัด
ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมากมาย
แม้กระทั่งการเดินห้างหรือแลนด์มาร์คในแต่ละ
จังหวัดก็ทำให้เราได้เห็นสภาพการแข่งขัน
และกลยุทธ์การเอาตัวรอดทางธุรกิจของ
แต่ละแบรนด์
วันนั้นถ้าผมไม่ตัดสินใจออกเดินทางไกล
ก็คงใช้ชีวิตปกติอยู่ที่บ้าน ชีวิตเดินไปแบบเรื่อย ๆ
และคงไม่ได้ประสบการณ์อะไรมากมายนัก
แต่ช่วงเวลานั้นมันได้ผ่านไปแล้ว
การเดินทางทำให้ได้เห็นโลกใบเดิมในมุมมองใหม่
และทำให้เราได้ค้นพบว่าจริงแล้ว ชีวิตเราต้องการ
อะไรกันแน่
สิ่งที่เราไม่ต้องการในทีแรก
อาจให้ประสบการณ์ที่ล้ำค่าให้กับเราในทีหลัง
ดั่งคำที่กล่าวไว้
“อย่ารอแต่ passion แต่จงอาศัย action”
บางทีของดีมันแอบอยู่ข้างหน้า
แต่สองขาของเรามันไม่กล้าเท่านั้นเอง
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ