ถ้าเรากำลังกลัวอะไรบางอย่าง
นั่นแสดงว่าความฝันของเรามันเล็กกว่าความกลัว
หรือพูดได้ว่า “ความกลัว ตัวใหญ่กว่า ความฝัน”
และถ้าปล่อยไว้ให้เรื้อรังมันคงไม่เป็นการดีเป็นแน่
เมื่อเราปรับทัศนคติใหม่ จัดวางกลยุทธ์ใหม่เป็น
“ความฝัน ตัวใหญ่กว่า ความกลัว”
เมื่อนั้นเราจะรู้สึกว่าตัวเองยังทำอะไรได้อีกเยอะแยะ
มากมายเกินที่ตัวเองจะจินตนาการได้
คนทำงานหลายคน อยากรู้อนาคตหรือเส้นทาง
การเติบโตในสายอาชีพแต่ไม่กล้าเข้าไปถาม
เจ้านาย สุดท้ายก็คิดไปเองว่าก้มหน้าก้มตาทำงาน
ต่อไปแบบเนิบ ๆ คงจะดีที่สุด
แต่หากเขาเหล่านั้นใช้ความฝันเข้ามาเหยียบ
ความกลัวไว้ ทำใจกล้าเดินเข้าห้องเพื่อพบปะเจ้านาย
คำตอบที่ได้อาจพลิกชีวิตเขาไปเลยทันที คือ
หนึ่ง… หากเจ้านายปฏิเสธ การขึ้นเงินเดือน
ให้เหตุผลว่าเพดานเงินเดือนตันแล้ว ทำไปอีกกี่ปี
ก็คงมีรายได้เท่าเดิมเพิ่มเติมคืออายุงาน
แบบนี้เรายิ่งตัดสินใจง่ายเลยว่าจะอยู่ต่อหรือ
ลาออกไปเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทอื่น
หรือ สอง… เจ้านายตอบว่าพร้อมสนับสนุน
แบบมีเงื่อนไขสามเดือน และมอบหมายงานใหญ่
ให้ทำอย่างต่อเนื่อง หากทำได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ก็จะพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้ พร้อมรายได้อื่น ๆ
ที่จะหลั่งไหลตามมา
ซึ่งจะเห็นได้ว่า หากเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่
เราอาจได้ชีวิตใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังงานบวก
พร้อมทะลุทะลวงทุกปมปัญหา ทุกคนล้วนมี
ความฝันแตกต่างกันออกไป ผมจึงอยากฝากไว้
“ความฝัน ตัวใหญ่กว่า ความกลัว”
“ความฝัน ตัวใหญ่กว่า ความกลัว”
“ความฝัน ตัวใหญ่กว่า ความกลัว”
แค่คิดแบบนี้ นาทีต่อไปเราจะไม่อ่อนข้อให้กับ
อุปสรรคจากใครหน้าไหนหรือสถานการณ์ใดอีกเลย
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ