ทุกคนล้วนโชคร้าย ไม่มีใครโชคดีเข้าข้างตลอด
ปีชง เดือนชง วันชง มันเจอกันทั้งนั้นครับ แม้ในใจ
จะไม่ยินดีต้อนรับ ดั่งคำกล่าวโบราณที่บอกว่า
“ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” นั่นไงครับ
แต่ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอน และแต่ละคนก็จะ
แตกต่างกันออกไป นั่นคือจะดี จะชั่วในเวลาที่
ไม่พร้อมกัน บางคนคิดว่าตัวเองย่ำแย่สุด ๆ แล้ว
จึงปล่อยวางชีวิตแบบหมดอาลัยตายอยาก
ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ แบบนี้ครับ
สมศักดิ์โดนบีบออกจากงานเพราะลาบ่อย
เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดี จนทำให้งานของบริษัท
กระทบเรื่องยอดขายเพราะลูกค้าในมือสมศักดิ์
หายหน้าไปซื้อกับคู่แข่งยกตะกร้าเลย
แล้วแบบนี้บริษัทจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินเดือน
สมศักดิ์ก็ท้อแท้ปล่อยชีวิตให้ย่ำแย่ต่อไปอีก
และสิ่งที่ตามมาติด ๆ คือ โดนบริษัทติดตามหนี้
โทรหาเพื่อแจ้งให้ไปชำระหนี้ก้อนโต
สมศักดิ์นอนระทมใจต่อไปแบบคนไร้งานทำสิ้นหวัง
สุดท้ายการหลบหนีกระบวนการทางกฎหมาย
ทำให้เรื่องไปถึงกรมบังคับคดี ทำการนำบ้าน
ไปขายทอดตลาด… ชีวิตทำไมถึงดำดิ่งลงต่ำเพียงนั้น
นั่นคือมันชั่วเจ็ดทีได้(เปรียบเปรย) หากเราไม่ลุก
ขึ้นมาต่อกรกับผลที่เผชิญอยู่ตรงหน้าเราก็แพ้
เอาใหม่นะครับ ผมขอเล่าต่อแบบพลิกชีวิตหน่อย
พอสมศักดิ์ออกจากงานก็รีบไปใช้สิทธิ์ประโยชน์
จากการว่างงาน(ประกันสังคม) มีเวลาหางานใหม่โดยระหว่างนี้ก็บูรณะร่างกายให้แข็งแรงเตรียมรับงานใหม่ หากร่างกายไม่พร้อมจริง อาจต้องทำฟรีแลนซ์จะได้ไม่ต้องหยุดงานโดยสามารถบริหารเวลา
ได้เอง
ส่วนกับเจ้าหนี้ สมศักดิ์ก็ขอต่อรองปรับโครงสร้าง
หนี้ไปก่อน ดีกว่าปล่อยบานปลายจนต้องขึ้นโรง
ขึ้นศาล ทำทุกอย่างให้ชีวิตดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่
แย่ลงไปมากกว่านี้ อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไร
แต่ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตตัวเอง
หยุดตั้งเป้าว่า”ต้องดีที่สุด”
แต่ตั้งใจว่ามันต้อง “ดีกว่าเดิม”
ไม่แน่ครับ หลังจากชั่วเจ็ดทีผ่านไป
เจ้าดีเจ็ดหนก็จะตามมาติด ๆ เอง
คนทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น
รู้วัฏจักรข้อนี้ดี เมื่อต้องเจ็บก็เจ็บไป พลาดบ้าง
ผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ยอดมนุษย์เหล่านี้
ทำได้ดีมากและเราต้องจดจำไว้ใช้ในชีวิตการทำงานของเรานั่นคือหลักฐานการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
ของพวกเขา
ดังคำกล่าวของ โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ
ผู้ก่อตั้ง Panasonic ที่กล่าวว่า
“เพราะล้มเลิกในตอนที่ผิดพลาดนั่นแหละ
ถึงได้ผิดพลาดแต่หากทำต่อไปเรื่อย ๆ
จนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ
ก็จะประสบความสำเร็จเอง”
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ