#ชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นครั้งสุดท้าย
จะเกิดขึ้นกับทุกคนเมื่อถึงเวลาอันควร
ซึ่งคำว่าเวลาอันควรนั้น ไม่มีใครเคยรู้แน่ชัด
ดังเช่นคำถามในใจเราที่ยากจะตอบเหลือเกิน
ว่า”เราจะตายเมื่อไหร่ ?”
เรามักถูกสอนให้ปลงบ้าง หัดปล่อยวางบ้าง
เพราะคิดมากไปก็เท่านั้นและตามด้วยประโยค
สุดคลาสสิค ”#พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” หมายถึง
ไม่ว่าปัญหาจะถาถมมาเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็
จะผ่านพ้นไปอยู่ดี หรือหากพ้นคืนนี้ไป ยังมีวันพรุ่งนี้ให้เดินหน้าต่อไป
แต่นั่นไม่ได้บอกว่าเราควรปล่อยให้เวลาเดินหน้า
โดยไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือพัฒนาตัวเองบ้างเลย
กล่าวคือ ย่ำอยู่กับที่แบบรอความหวังเรื่อยเปื่อย
ต่อให้พระอาทิตย์จะขึ้นหรือลงทุกวันเพื่อมอบ
วันใหม่ให้กับเราทุกคน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้
วันใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นาทีนี้มีปัจจัยอื่นที่จะคร่าชีวิตเราแบบไม่คาดคิด
ยังมีคนคลั่งถือปืนไล่ยิงคนบริสุทธิ์
ยังมีเชื้อไวรัสเอาชีวิตคนทั่วโลกแบบไม่หยุดยั้ง
ยังมีอุบัติเหตุ, โรคภัยไข้เจ็บที่แฝงตัวมาอีก
มากมายที่เตรียมเอาชีวิตเราไปได้ทุกเมื่อ
คนป่วยหลายคน เกินฝีมือหมอจะรักษาแล้ว
คนเหล่านั้นนับเวลาถอยหลังเป็นหลักวินาที
เขาหมดเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งผิด หรือคิด
โครงการใหม่ที่ช่วยให้โลกดีขึ้น
แล้วคนที่มีมันสมอง สองมือ กับหัวใจที่ปกติ
ดีอยู่เล่า ? วันนี้ได้ลงมือปฎิบัติงานที่สร้างชีวิต
หรือทำให้ชีวิตอิ่มเอม หาเลี้ยงชีพได้และพร้อม
คืนสู่สังคมบ้างหรือยัง ?
คนป่วยหนักนั้นต้องนอนเตียงที่โรงพยาบาล
ส่วนคนที่ปกตินอนเตียงที่บ้านทั้งวัน หากไม่
คิดพัฒนาตัวเอง ลงมือทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
จะต่างอะไรกับคนป่วยหนักกันล่ะครับ ?
จงหัดตื่นแต่เช้าทักทายพระอาทิตย์และสร้าง
ความกระตือรือร้นให้เป็นนิสัยกันเถอะ
ก่อนจากกันในบทความนี้ ขอฝากคำถาม
เป็นอุทาหรณ์ในใจ
หากวันนั้นมาถึง(วันที่เราต้องลาโลก)
และเราต้องอยู่ในสถานะต้องชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นครั้งสุดท้ายบ้าง
… “คุณจะกล่าวกับพระอาทิตย์ว่าอย่างไร ?” …
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ