สถานการณ์อันเลวร้ายจากเชื้อโควิด – 19
ทำให้เรามาถึงวันที่หมอต้องเลือกถอด
เครื่องช่วยหายใจจากคนที่อายุมากกว่า 60 ปี
เพื่อใส่ให้กับคนที่อายุน้อยกว่า
ด้วยมองว่ามีโอกาสอยู่ใช้ชีวิตและพัฒนาโลก
ได้นานวันกว่า
มันช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก
หากเป็นไปได้คงไม่มีหมอหรือใครคนไหน
อยากลงมือกระทำการเช่นนั้นหรอกครับ
มันบีบคั้นหัวใจเกินไป และในความเป็นจริง
อีกด้านนั้น พวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นเสาหลัก
ของครอบครัวและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของ
ลูกหลานอย่างขาดไม่ได้
ในองค์กรทุกที่มีเรื่องราวละม้ายคล้ายคลึงกัน
คือมีบุคลากรที่จ่อรอวันเกษียณอายุงาน
ในขณะเดียวกันก็มีคลื่นลูกใหม่่รอเสียบแทน
ซึ่งทุกอย่างก็คงไม่มีอะไรเสียหายหากมีการ
จัดการที่ดี หรือที่เรียกในศัพท์วงการบริหาร
ทรัพยากรบุคคลว่ามี Succession Plan
แต่ถ้าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็คงอด
เสียดายไม่ได้ว่า องค์กรกำลังเสียองค์ความรู้
ที่แสนล้ำค่า โดยไม่ได้ตักตวงหรือ
ถ่ายทอดความรู้ ความชำนาญใด ๆ ไว้เลย
ในหลักปฏิบัติจริง ๆ นั้น…
องค์กรเองไม่ถึงขนาดที่ต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเลยครับ เพราะสามารถเลือกได้ทั้งคู่
คือเลือกคลื่นลูกใหม่เข้ามาทำงาน
โดยเลือกให้คนเกษียณช่วยเป็นที่ปรึกษาต่อไปอีกสักระยะ
การจากไปของใครบางคนนั้น ช่างน่าเสียใจ
อย่างเหลือหลายแน่นอนครับ แต่เราคง
ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากทำใจ
และวางแผนชีวิตในฐานะของคนรุ่นหลัง
ที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
วันนี้ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุมากขึ้นหน่อย
พวกท่านเหล่านี้อาจไม่รวดเร็วทันใจ
แต่ประสบการณ์ชีวิตที่มีนั้น สามารถเป็น
เข็มทิศนำทางได้ดีมากทีเดียว
และที่สำคัญอย่าลืมเชียวล่ะว่า….
เมื่อถึงเวลาเราทุกคนก็ต้องตายเช่นเดียวกัน
จะตายเร็วหรือช้าไม่สำคัญ
มันวัดกันที่ว่า…
“ฝากอะไรไว้ให้โลกบ้างล่ะ ?”
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ