ระบบแฟรนไชส์ที่ดี
ต้องเน้นทั้งเรื่องระบบงานและระบบคน
การพัฒนาลูกน้องจะว่ายากก็ยาก
จะว่าง่ายก็ง่าย แล้วการพัฒนาผู้ซื้อแฟรนไชส์
มันจะยาก ง่ายระดับไหนกันหนอ
ในเมื่อโจทย์ก็คือ เขาไม่ใช่ลูกน้องเรา
จะบอกซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหันทันที
เฮ้ย… มีวิธีมั้ยครับ ?
ขอตอบว่า….ได้สิครับ
แต่การพูดคุยสื่อสารนั้นมันต้องแตกต่าง
จากการสื่อสารกับพนักงาน
เพราะเมื่อสื่อสารกับพนักงานนั้น
เราอาจพูดแบบตามสไตล์ตัวเองอย่างไรก็ได้
เพราะ เป็นคนจ่ายเงินเดือนเขาไง
พูดไม่เข้าหูบ้าง พูดกระแทกกระทั้นบ้าง
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเถียงเพราะต้องรับเงินเดือน
จากเจ้านายอยู่ดี
ส่วนผู้ซื้อแฟรนไชส์นั้นมันเป็นคนละแบบ
เพราะเขาเหล่านี้ นอกจากไม่ได้ขอเงินเราใช้แล้ว
พวกเขากลับหาเงินช่วยเรา เพราะซื้อของจากเราไปขาย
และยังช่วยแก้ปัญหาหน้างานให้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ถ้าเปรียบผู้ซื้อแฟรนไชส์กับกองทัพ
ก็คงไม่พ้นเป็นทัพหน้าแน่นอนครับ
กว่าจะขายของได้ กว่าจะเก็บเงินได้มันงานยาก
ซึ่งถ้าให้ผู้ขายแฟรนไชส์ลงมาทำเอง
ก็คงไม่ใช่งานง่ายเพราะต้องหาบุคลากร
ที่เป็นงาน มีความพร้อมปฏิบัติงานลงพื้นที่
ซึ่งทั้งหมดทำได้ด้วยการพัฒนาบุคลากรไว้รองรับ
การพัฒนาทัพหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญสุด ๆ
เพราะหากไม่มีทักษะการเอาตัวรอดหรืออาวุธ
จะไปต่อกรกับคู่แข่งได้อย่างไร ?
ผมจะลองยกหลักสูตรคร่าว ๆ ที่ระดับ
พนักงานขายทั่วไปควรมี คือ
– ทักษะการเปิด ปิดการขาย
– ทักษะการเจรจาต่อรอง
– ทักษะการวางแผนการขาย
– ทักษะการพูด บุคลิกภาพ
ฯ
ซึ่งทักษะเหล่านี้ ควรเป็นทักษะพื้นฐาน
ที่พนักงานขายควรมี หากวันนี้
ผู้ซื้อแฟรนไชส์ไม่จ้างใครมาขายของให้
ก็ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะพวกนี้เอง
ถามว่า ถ้าไม่มีทักษะเหล่านี้จะได้มั้ย ?
เรื่องพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องของใคร ?
มีค่าใช้จ่ายมั้ย อืมม์ ยังไงต่อดีล่ะ ?
พรุ่งนี้ผมมาเล่าต่อ
หากถูกใจช่วยพิมพ์ “ok”
เพื่อเป็นกำลังใจด้วยก็แล้วกันนะครับ