เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
ณ.ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
เมื่อผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาติดต่อธุรกิจ
พร้อมทำธุรกรรมมากมาย แน่นอนว่าสิ่งที่
ทุกคนต้องเบื่อหน่ายและไม่อยากเจอที่สุด
ในเมืองใหญ่เหล่านี้คงไม่พ้น “ฝนตกและรถติด”
ภาพที่ปรากฏคือคุณลุงที่มากับม้าของเขา
พร้อมภารกิจขนทรายไปส่งลูกค้าตามสัญญา
เมื่อสายฝนกระหน่ำลงมาจนทุกคนต้อง
มองหาชายคาที่ได้อาศัยหลบฝนได้
แต่สำหรับคุณลุงคนนี้…มันต่างออกไป
จากภาพที่ปรากฏ เขาปฏิเสธร่มไม้ชายคา
หรืออาคารที่พอหลบเลี่ยงสายฝน
ที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาเลือก
ที่จะยืนกอดเจ้าม้าเพื่อนยากที่ลำบากมาด้วยกันทุกเช้าเย็นจนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
เมื่อพายุผ่านไป คุณลุงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาก
แค่พูดกับผู้ที่สงสัย… ว่าทำไมลุงจึงตากฝน
พร้อมเจ้าม้าตัวนี้ คุณลุงได้เอ่ยถามว่า…
“ฉันต้องปกป้องเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน… ใช่มั้ย ?”
ทุกท่านครับ… ในสถานการณ์ฝนฟ้าไม่เป็นใจ
พายุมรสุมโจมตี ฟ้าร้องฟ้าคะนองแต่ละครั้ง
มันช่างสร้างความระทึกขวัญได้ไม่มากก็น้อย
คนธรรมดาอย่างเราต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อกัน
นับประสาอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเล่าครับ…?
พวกมันต้องการที่ยึดเหนี่ยวแน่นอน
มันอาจคิดได้ไม่ลึกซึ้งเท่ามนุษย์สุดประเสริฐ
เหมือนเรา แต่เบื้องลึกในใจแล้วต่างขาด
ความอบอุ่นไม่ได้
วันนี้องค์กรเราอาจไม่มีลุงแก่ ๆ และไม่มี
ม้าหนุ่มหรือม้าแก่สักตัวเดียว แต่เราแทนค่า
สิ่งที่ใกล้เคียงเข้าไปได้ เพราะเหตุใดครับ….?
ไม่มีใครที่อยากทำงานอย่างโดดเดี่ยว
ไม่ว่าโครงการจะเล็กหรือใหญ่…
เมื่อโครงการสำเร็จ มันดีไปหมดแหละ
กอดจูบลูบไข่กันหลายวันหลายคืน
แต่เมื่อวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ งานไม่ได้ตามเป้า
ใครเล่าที่อยู่ข้างเราบ้าง…?
ครอบครัวอยู่ข้างก็สบายใจไปเปราะนึงเหอะ
แต่ถ้าเจ้านายที่ใกล้ชิดเรื่องงานกับเราที่สุด
ดันไม่เคยซัพพอร์ตเลย ก็มานั่งคิดดูใหม่นะ
แบบไหนมันตอบโจทย์ชีวิตเรามากกว่ากัน
จะทนแบบนี้ไหวมั้ย คนนะไม่ใช่ม้า !?
ฟันธงเถิด…
จะขาวหรือจะดำ หรือจะอยู่แบบเทา
ไปอีกสักกี่ปี กี่ชาติ ?
ที่ผมเล่ามามันแค่บริบทหนึ่งเท่านั้น
เหมือนเล่านิทานสู่กันฟังละกัน
แต่ละท่านจะตัดสินใจอย่างไรก็ว่าไป
ผมได้แต่หวังว่าบทความหรือเกร็ดความรู้
ที่ผมนำมามอบหมายให้ในแต่ละวันจะมี
ประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณเรื่องเล่าและภาพจากเพจ Solidao