“เจ้าต้นไม้จอมเห็นแก่ตัว”
ต้นไม้ทุกต้นกว่าจะเติบใหญ่แผ่กิ่งก้าน
รากใบ ล้วนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง
มันโตขึ้นวันละนิดเหมือนเส้นผมของเรา
ที่ไม่อาจสังเกตด้วยตาเปล่า มารู้ตัวอีกที
มันก็โตแล้ว
ต้นไม้ไม่เคยสงสัยในคุณค่าของตัวเอง
และไม่เคยสงสัยว่าฉันจะสามารถทำอะไร
ได้บ้าง ?
ภาระกิจที่สำคัญรุ่นแล้วรุ่นเล่าไม่เคยเปลี่ยน
คือ รากทิ่มลงดินมุ่งตรงหาใจกลางโลก
ลำต้นตั้งชี้ฟ้าอย่างสง่างาม
กิ่งก้านแผ่สาขา หรือลากเลื้อยไปไม่มีสิ้นสุด
มีออกดอกออกผลบ้าง ก็ตามเผ่าพันธุ์ตัวเอง
ต้นไม้มีวัตถุประสงค์ในการดำรงอยู่(purpose)
อย่างชัดเจน มันดูดซึมแร่ธาตุจากดินอย่าง
เอร็ดอร่อยไม่รู้อิ่ม เพื่อการดำรงอยู่แล้วนั้น
มันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
แม้ต้องแก่งแย่งอาหารจากเพื่อนบ้านก็ตาม
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของคำกล่าว
“เจ้าต้นไม้จอมเห็นแก่ตัว”… เช่นนั้นหรือ ?
หลังจากต้นไม้ทั้งหลายได้เติบโต
มันเป็นร่มเงาให้กับสิงสาราสัตว์ได้อาศัย
แม้กระทั่งเหล่ามนุษย์ใจร้ายที่มาตัดมัน
ไปขายหรือแปรรูปใช้งาน
ดอกและผลของมันไม่ได้มีไว้ขาย
เพราะมันเต็มใจให้สิ่งมีชีวิตบนโลก
ได้มาใช้หล่อเลี้ยงชีวิตแบบฟรี ๆ
เล่ามาเล่าไป มันคล้ายกับชีวิตของเราตรงไหน
ต้นไม้ยอมเห็นแก่ตัวในช่วงแรก มันต้อง
แข็งแรงยืนได้ด้วยขาตัวเองก่อน เมื่อภาระกิจ
นี้เสร็จสิ้น มันจึงสามารถอุปถัมภ์ผู้อื่นได้อย่าง
ไม่มีจำกัด
ผมไม่ชี้นำว่าถ้าเป็นมนุษย์บ้างล่ะ…?
– อะไรจะเกิดขึ้นถ้า… ยังไม่แกร่งพอ
แล้วไปช่วยเหลือผู้อื่น
– ข้ออ้างหรือเหตุผลในการไม่ช่วยเหลือผู้อื่นล่ะ
– ถ้าช่วยเหลือทุกคน โดยไม่ได้ประมาณตนล่ะ
เหล่านี้เป็นประเด็นชวนคิด และผมทราบว่า
ทุกท่านมีคำตอบในใจแล้ว
.
.
.
พรุ่งนี้เช้า… อย่าลืมรดน้ำต้นไม้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ