การคิดแบบสุขใจไว้ก่อน
ทำให้เรามีกุญแจสำหรับไขทุกบานประตู
มันทำให้เราค้นพบปัญญาอย่างต่อเนื่อง
เพราะแก้ปัญหาอย่างสนุกสนานทุกวัน
ที่ผมต้องบอกว่าให้ทำตัวแบบสุขใจไว้ก่อนนั้น
จงทำไปเถอะครับ มันฟรี ผลิตใช้ได้เอง
ไม่ว่าวันนั้นจะมืดมัว หรือวันนั้นจะแจ่มใส
การคิดแบบสุขใจไว้ก่อนจะช่วยผลักดัน
ให้เราไปได้ไกลกว่าที่คิด
ผมทำงานเกี่ยวกับบริหารทรัพยากรบุคคล
มาพักใหญ่ครับ สาเหตุรองลงมาจากเรื่อง
การเงินแล้ว “ความเครียด” คือภัยเงียบอีกตัว
ที่พันธนาการให้คนทำงานไม่มีความสุข
และในเมื่อไม่มีความสุข สิ่งที่ตามมาจึงเป็น
การดำรงชีวิตอยู่อย่างน่าเบื่อหน่าย
การให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน การโปรโมท
ลูกน้องในสังกัด แม้กระทั่งปลุกแรงบันดาลใจ
ให้ตัวเอง จำเป็นต้องอาศัยทัศนคติเชิงบวก
คือคิดว่าสุขใจไว้ก่อน
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าทำงานชิ้นใหญ่นี้สำเร็จ
เงินเดือน ค่าวิชาชีพ ประสบการณ์เราจะ
สูงขึ้นใช่หรือไม่ ?
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราอดทนทำงานให้หนัก
3-5 ปีติดต่อกัน เพื่ออิสรภาพทางการเงิน
ลาออกจากการเป็นลูกจ้างเข้าสู่เส้นทาง
นายตัวเอง ถ้าทำได้ชีวิตของเราจะเติมเต็ม
ขึ้นใช่หรือไม่ ?
คนที่เขาคุมอาหาร ออกกำลังกายทุกวัน
มันช่างดูเคร่งเครียดและดูจำเจใช่มั้ยครับ ?
แต่คนเหล่านี้มีภาพตัวเองใส่ชุดว่ายน้ำ(หญิง)
บ้างก็ถอดเสื้อโชว์ซิ๊กแพ็ค (ชาย) แม้เหนื่อย
ระยะสั้น แต่รางวัลนั้นคุ้มค่ามากมาย
เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันก็รายละเอียด
เยอะไม่แพ้กันเลยครับ เรามีปัญหาให้ขบคิด
ให้แก้ไขทุกวันทั้งเรื่องงานและเรื่องคน
เราจึงไม่อาจปล่อยให้ปัญหามาฉุดรั้งเราไว้
เมื่อคิดว่าสุขใจไว้ก่อนได้เมื่อไหร่
ให้เอ่ยในใจดัง ๆ ว่า
“ปัญหามันคือเงิน”
“ไม่เคยมีใครได้รางวัลจากการหนีปัญหา”
“วันนี้อาจโง่จริง แต่พรุ่งนี้ก็ฉลาดขึ้นแล้ว”
“นักรบย่อมมีบาดแผล และแผลก็รักษาได้”
สุขใจไว้ก่อน ไม่เสียตังค์สักบาท
อย่าเหลือช่องว่างให้ความทุกข์มาเยือน
ดังคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุว่า
“ที่จริงแล้ว นรกสวรรค์นั้นมันอยู่ที่การทำผิด
หรือทำถูก ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ
เมื่อจิตได้รับอารมณ์แล้ว
ปรุงแต่งไปในทางที่ผิดก็เป็นนรก
ถ้าปรุงแต่งถูกก็เป็นสวรรค์”
ขอบคุณครับ
บริหารความคิด ข้อคิดคนทำงาน
ขอบคุณภาพจากเพจ other perspectives