“น่าแปลกนะ… ที่แกะดำมีแนวโน้มที่จะประสบ
ความสำเร็จมากกว่าแกะขาว”
มันเป็นคำเปรียบเปรยที่ทำให้หลายคน
ฉุกคิดและทำให้ชีวิตเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยน
จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
“จงแตกต่างและเป็นหนึ่ง”
เป็นคำคมที่มีมาแต่โบราณกาล
หากจะขยายความต่อแล้วนั้น
มันก็คือ… แตกต่างอย่างมีคุณค่า
เจ้าคำที่บอกว่าแตกต่างอย่างมีคุณค่านี่สิ
มันไม่ใช่แค่ตัวเราไม่เหมือนใคร
เพราะมุมมองมันมีสองมุม ดังนี้
1. ก็แค่ผลงานที่แตกต่างเพิ่มขึ้นบนโลก
อีกชิ้น… แล้วไง ใครจะสนใจ ?
2. มันคือผลงานชิ้นโบว์แดง เกิดมาไม่ค่อย
พบเคยเห็น ชอบมากจนต้องชอปแอนด์แชร์
หรือเป็นไปได้อีกทางคือ… รู้สึกเฉย ๆ
เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดกับตัวบุคคลเท่านั้นครับ
มันยังสะท้อนไปยังโลกธุรกิจอีกด้วย
เพราะธุรกิจใดก็ตามที่ผลิตสินค้าที่ไม่ตอบ
โจทย์หรือตอบสนอง(แก้ pain point)ลูกค้าได้
มันก็เตรียมค้างสต๊อก ขายไม่ออก ทำให้ธุรกิจ
ล่มเอาได้ง่าย ๆ
ผมสรุปข้อคิดให้ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาครับ
ฝึกแก้ปัญหาให้เก่ง เพราะทุกสิ่งมันคือ
การแก้ปัญหาทั้งนั้น และทุกคนย่อมยอม
จ่ายแพงให้กับคนที่แก้ปัญหาให้เขาได้
รูปที่ผมยืมเขามาแปะนั้น มันช่วยกระตุ้น
ต่อมจินตนาการซึ่งอยู่สมองซีกขวาครับ
แต่ส่วนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้
มันคือสมองซีกซ้าย อันว่าด้วย ตรรกะ,
การคิดวิเคราะห์และใช้เหตุผล เมื่อสมอง
ทั้งสองซีกทำงานร่วมกันแก้ปัญหาใดก็ตาม
มันก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ลองนึกถึงบัณฑิตจบใหม่ที่มาสมัครงาน
กับบริษัทเราสิครับ ถ้าทุกคนเปรียบดัง
แกะขาว มันก็คงไม่แตกต่างและไม่อยาก
ว่าจ้างมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม
แต่ถ้าเกิดมีสักคนที่เปรียบดังแกะดำเล่า
(แกะดำที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์)
เขาย่อมเป็นจุดน่าสนใจ น่าค้นหาและน่าลงทุน
เมื่อเขาได้ร่วมงานกับเราน่าจะนำมาซึ่ง
ความสำเร็จร่วมกันไม่ช้าก็เร็ว
วันนี้เราสนใจจะร่วมงานกับแกะสีอะไร…?
และถามก่อนจบบทความสักนิดครับว่า
… วันนี้เราเป็นแกะสีอะไร ?
ตอบในใจก็ได้ หรือแสดงความคิดเห็น
ลงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ
ก็ได้ ตามอัธยาศัย…ผมไม่ซีเรียสครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพของ @ColapsoOFC
จากเพจ Memorias