ปลดปล่อยเสือตัวนั้นซะ
ความฝันครั้งแรกของเรา ก็คงมีแต่เราเท่านั้นที่เชื่อ
ไม่ว่าฝันนั้นจะสวยงาม วิเศษเลิศเลอเพียงใด
ตราบใดที่มันยังไม่สำเร็จหรือเป็นรูปธรรม
มันก็คงเป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยู่วันยังค่ำ
หน้าที่ที่จะทำให้โลกได้รู้จักเราดีขึ้นจึงต้อง
ตกเป็นหน้าที่ของเราโดยปริยาย
หนึ่งก้าวแรกคือ เชื่อมั่นในตนเอง
เมื่อกล้าฝันมันก็ต้องกล้าสานต่อสิ
ในเมื่อความเจ็บปวดจากความไม่สมหวัง
กับความเจ็บปวดในการพิชิตอุปสรรค
มันก็เจ็บปวดพอกัน ทำไมไม่เจ็บแล้ว
ทำให้ประสบความสำเร็จไปซะเลยเล่า
เมื่อไม่มีใครสนับสนุนเราก็ต้องลุยเดี่ยว
จงเป็นคนแรกที่เชื่อในความฝันของตัวเอง
เมื่อเชื่อว่ามีทาง เราก็จะเริ่มหาทางไป
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งปลดล็อคความคิดผม
วันนี้ขอเล่าให้ฟัง ถือเป็นของขวัญเล็กน้อย
ในวันเริ่มต้นปี มันมีอยู่ว่า…
ชายคนหนึ่งได้บังเอิญไปเจอเสือตัวหนึ่ง
ซึ่งร่างกายดูผอมโซ นอนซมอยู่พื้น
โดยที่ขาของมันโดนเชือกผูกไว้กับไม้ไผ่
ต้นเล็ก ๆ เท่านั้น
ชายผู้นั้นสงสัยเป็นยิ่งนัก จึงได้ถามไปยัง
เจ้าของของมันว่า “เสือตัวนี้ยังไม่ได้แก่
แต่ทำไมสุขภาพจึงทรุดโทรม และไฉนจึง
ไม่ดุร้ายเหมือนเสือธรรมดาทั่วไป”
ผู้เลี้ยงดูมันได้ตอบไปว่า
“มันไม่ได้ป่วยหรอก แต่มันไม่กล้ากินอาหาร
ไม่กล้าหนีไปไหน ไม่กล้าใช้ชีวิตตามธรรมชาติ
เพราะโตมาจากคณะละครสัตว์
มันโดนทำร้ายมามาก โดนพันธนาการโดยโซ่ตรวน
ถ้าวันไหนคิดหนีก็โดนแส้โบยเข้า”
“วันนี้ที่มันไม่กล้าไปใช้ชีวิต หรือหนีเข้าป่า
เพราะใจยังคิดอยู่เสมอว่าเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น มันจึงอยู่ในสภาพที่ท่านเห็นนั่นแหละ
แม้ข้าจะผูกมันไว้กับไม้ไผ่ต้นเล็ก ๆ
มันก็ไม่กล้าที่จะหนีไปไหนเลย”
ข้อคิดที่อยากฝากกันวันนี้มันง่าย ๆ ครับ
ไม่สำคัญว่าจะมีใครเคยทำอะไรกับเราไว้
ถ้าเรายืนหยัดที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ยืนหยัดเพื่อปณิธานอันแน่วแน่
ก็แค่ทำต่อไป ฉีกทุกกฎที่คร่ำครึ
เวลาแห่งการคิดใหม่ทำใหม่ คิดเร็วทำเร็วมาถึงแล้ว
หรือคุณไม่เห็นด้วยครับ ?
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
Photo by Tuesday Temptation from Pexels