“ใครเคยรู้สึกแบบนี้บ้าง…?”
เคยเล่าให้ครอบครัวฟังมั้ยว่า…
แต่ละวันเรารับความกดดันจากเจ้านาย
มากขนาดไหน
เคยเล่าให้เจ้านายฟังมั้ยว่า…
ที่บ้านกำลังเดือดร้อน มีรายจ่ายประดัง
เข้ามาจนชักหน้าไม่ถึงหลัง อีกทั้งปัญหา
อื่นรุมเร้า
ไหนจะเพื่อน ไหนจะแฟน ไหนจะคนรอบ
ตัวอีกเป็นร้อยเป็นพัน บางทีก็อยากบอกนะ
แต่มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่อยาก
แชร์สู่กันฟังวันนี้ครับ
คนรอบตัวจะรู้ถึงขนาดความฝันของเรา
หรือไม่ ?… เมื่อขนาดความฝันมันใหญ่ขึ้น
ขนาดของความพยายามมันก็ใหญ่ตาม
แถมพ่วงมากับความกดดันจากทุกทิศทาง
เพื่อนก็มองว่าเราตีตัวห่าง
แฟนก็แอบน้อยใจที่เวลาให้กันช่างน้อยนิด
ครอบครัวก็คาดหวังความทุ่มเทอย่างไร้
เงื่อนไขจากหัวหน้าครอบครัวอย่างเรา
มันเป็นสิ่งที่ดีนะ ถ้าใครสักคนสามารถ
รักษาสมดุลชีวิตในด้านความสัมพันธ์
เอาไว้ได้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
และบันไดขี้นที่สามต่อจาก
บันไดขั้นที่หนึ่ง… มีครบปัจจัยสี่
บันไดขั้นที่สอง… รู้สึกปลอดภัย
ขั้นต่อไปมันคือ… การได้รับการยอมรับ
(ทฤษฎีของมาสโลว์)
เมื่อขนาดของความฝันมันใหญ่
ความพยายามและความกดดันจึงใหญ่ขึ้น
เป็นเงาตามตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนที่จะขับเคลื่อนชีวิตให้ไปถึงฝั่งฝัน
หรือเส้นชัยได้ มันไม่ใช่ใครนอกจาก
ตัวเราเอง มีใครเจ็บแทนเราได้มั้ย,
มีใครเหนื่อยแทนเราได้แบบ 100% บ้าง
อย่าหยุดเพราะเหนื่อย แต่จงหยุดเพราะ
เราได้ถึงเส้นชัยแล้ว คิดเสมอว่าทุกครั้ง
ที่เหนื่อยขึ้น มันคือการยกระดับความอึด
มันคือการจ้องทำลายสถิติ
หาเวลาชื่นชมความพยายามของตัวเอง
ลองคิดดูถ้าที่ผ่านมาเหนื่อยแทบตาย
ยังได้ผลแค่นี้ แล้วถ้างอมืองอเท้าอยู่
เราจะตกต่ำขนาดไหน ไม่อยากคิดเลย
ดังนั้นก้าวต่อไปแม้จะลำบาก
ก้าวต่อไปแม้มันมีหมอกหนาบังทาง
ดูแลตัวเองให้ดี… สู้ตายเว้ย!!!
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจากเพจ Memorias