เรากุมบังเหียนชีวิตหรือปล่อยตามยถากรรม

ชีวิตที่ไม่มีการวางแผนมักนำมาซึ่งความกังวล
สับสนว่านาทีนี้ ชั่วโมงหน้า วันพรุ่งนี้จะทำอะไรดี
เมื่อทำไปแล้วมันจะดีมั้ย หรืออยู่เฉย ๆ ดีนะ

เนื่องจากไม่มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน
สิ่งที่ทำจึงได้แค่ฆ่าเวลา มิหนำซ้ำมันก็วนลูปแบบนี้
จนอายุมากขึ้น รู้ตัวอีกทีก็นั่งเสียดายเวลา

การวางแผนนั้น ขั้นแรกไม่ต้องไปซีเรียสอะไรมาก
กฎของมาสโลว์ว่าด้วยความต้องการของมนุษย์
บอกว่า ขั้นแรกเราต้องการปัจจัยสี่ คือ
มีรถ มีบ้าน มียารักษาโรค มีอาหาร มียารักษาโรค
มีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ ฯ จากนั้นค่อยต้องการความมั่นคง
ความปลอดภัย การได้รับการยอมรับ ฯ ตามลำดับ

เมื่อคิดได้ดังนี้ก็ลองคิดต่อว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง
ต้องใช้เวลากี่ปีดีนะ แล้วถ้าจะซื้อรถล่ะ ต้องทำอย่างไร
คำนวณใส่สมุด หรือ Excel ในเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้เตือนใจ
เวลานั่งเหม่อลอยจะได้ช่วยสะกิดใจขึ้นมาว่า
สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มันทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายใช่หรือไม่
ถ้าไม่ใช่ จะได้มีสติแล้วกลับมาโฟกัสกิจกรรมตรงหน้าอีกที
เช่น ต้องหาเงินดาวน์รถ หาเงินผ่อนบ้าน โดยต้องเริ่มเก็บ
เงินเดือนละ 20,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี
จะต้องหาเงินจากทางไหนบ้าง งานหลัก งานเสริมคืออะไร
ถ้าต้องแบ่งเงินไว้สำหรับกิน เที่ยวบ้าง จะกระทบมั้ย
เส้นทางการหาและออมเงินอาจมีแกว่งบ้าง แต่ก็มีเค้าโครง
ความเป็นไปได้ในระดับสูงกว่าระดับธรรมดาแน่นอน

ที่เล่ามา จะต่างจากชีวิตที่ไม่มีการวางแผนเอาซะเลย
มันจะเหมือนการขี่ม้าในป่าใหญ่
ไม่รู้จะไปทางไหนดี ได้แต่ขี่ม้าวนไปวนมา
รู้ตัวอีกที ก็หมดแรงทั้งม้าทั้งคน

พลทหารที่รู้ว่าแม่ทัพไม่มีกลยุทธ์พิชิตข้าศึก
จิตใจย่อมสั่นคลอนเหมือนรู้ว่าโดนสั่งไปตาย
นักฟุตบอลที่ขาดโค้ชวางแผนการเล่นให้
ก็ลงเตะแบบไม่มั่นใจ แถมเล่นกันไม่เป็นทีม
ชีวิตของเราเปรียบเหมือนมีสนามให้ลงแข่ง
มีสมรภูมิให้รบ โดยมีเราเองนี่แหละเป็นคนกุมบังเหียน
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เรารับผิดชอบตัวเองเต็มที่
พลาดพลั้งก็อย่าเอาแต่โทษใคร ให้กำลังใจตัวเอง
แล้วลุยต่อ ขอให้สนุกไปกับมันเถอะครับ

ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจาก
Photo by Brett Sayles: https://www.pexels.com/…/woman-wearing-white-cowboy…/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *