โต๊ะอาหารไม่ว่างเปล่าแน่ ถ้าเราเสนอตัวเลี้ยง
มื้อค่ำแสนพิเศษกับเครื่องดื่มราคาแพง ร้านตกแต่งสไตล์สุดหรู มีดนตรีคลอตลอดคืน
ขี้คร้านจะรับแขก ทักทายกันเกือบไม่ครบ
เพราะเพื่อนฝูงหมุนเวียนเข้ามาไม่ซ้ำหน้า
จริง ๆ อาการมันก็เหมือนกับเราตอนมีเงิน
โดยไม่ได้ตั้งตัวนั่นแหละ พอธุรกิจโตเร็ว
ก็ใจใหญ่ ขยับขยายจนลืมวิเคราะห์ความเสี่ยง
จัดเลี้ยงรับรองลูกค้าไปทั่ว หรือจะเป็นเศรษฐีใหม่ถูกรางวัลใหญ่ ไม่เคยมีทักษะบริหารเงิน
มาก่อน เงินก้อนนั้นก็หายวับไปกับตาไวอย่าง
น่าใจหาย
ไม่อยากให้ชีวิตสวิง ขึ้นสุดลงสุด
ก็คงต้องฝึกอยู่คนเดียวให้ได้ครับ
ผมไม่ได้บอกให้เป็นคนโลกส่วนตัวสูงนะ
แค่ลองอยู่เงียบ ๆ รวยแบบเงียบ ๆ
ถ้ายังสร้างตัวอยู่ก็สร้างตัวแบบเงียบ ๆ
ไม่ต้องประกาศให้ใครในโซเชียลหรือที่ไหน
รู้ทั้งนั้น ปล่อยให้เงินในบัญชีมันได้พักผ่อน
และเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ แบ่งเงินเก็บไว้ในยาม
ฉุกเฉินด้วยจะได้ไม่ลำบากจากเหตุไม่คาดคิด
การอยู่คนเดียว ถ้ามันจำเป็น เราก็ต้องอยู่
มันคือ “เราและเรา” ไม่ใช่เรากับใครทั้งนั้น
ปลุกพลังภายในขึ้นมา เมื่องานเลี้ยงจบลง
ชีวิตเราต้องเดินทางต่อ ที่เล่ามาตั้งยาวเหยียด
ผมแค่ขยายความจากประโยคสุดฮิต
“เมื่อร่ำรวยเพื่อนจะรู้จักเรา
เมื่อชีวิตอับเฉาเราจะรู้จักเพื่อน”… จริงมั้ยครับ ?
อ้อ ๆ ยังไม่จบ
ผมไม่ได้บอกว่าเราต้องอยู่คนเดียวตลอดเวลา
นะครับ แบบนั้นน่าเบื่อแย่เลย แค่บอกว่าเราต้อง
อยู่คนเดียวให้เป็นและมีความสุขได้ในรูปแบบ
ของตัวเราเอง เมื่อถึงเวลาต้องไปปาร์ตี้ก็จัดสักหน่อย… เดี๋ยวเหงาแย่ ไปละครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ