“ความรู้อายุสั้นลง แต่คนอายุยาวขึ้น”
ประโยคจากมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่ช่วย
อธิบายสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดีทั้งใน
มุมของคนที่กำลังศึกษาอยู่, มุมมองของ
คนที่อยู่ในวัยทำงานและชีวิตหลังเกษียณ
ก็เพราะในช่วง 5-10 ปีข้างหน้านี้จะเกิดอาชีพ
ใหม่หรืองานรูปแบบใหม่งอกขึ้นมากมาย
ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
จนตลาดแรงงานต้องการทรัพยากรมนุษย์ที่มี
ทักษะใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ในมุมของมหาวิทยาลัย ต้องปล่อยให้เด็กได้
ออกมาเจอโลกการทำงานนอกรั้วมหาวิทยาลัยมากขึ้น กล่าวคือ เรียนเท่าที่จำเป็นพร้อมกับได้
ลองนำความรู้ไปใช้ให้ตอบสนองความต้องการ
สถานประกอบการให้มากที่สุด
ในมุมของคนวัยทำงาน ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ
เมื่อบริษัทส่งให้ไปเรียนเพิ่มเติมต้องรีบคว้าไว้
ซึ่งปัจจุบันมีหลักสูตรระยะสั้นออกมาเยอะมาก
และต้องไม่ลืมว่ามีช่องทางการเรียนรู้ฟรี
ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ได้หาความรู้เช่นเดียวกัน
คนวัยเกษียณเป็นจำนวนไม่น้อยนะครับ
ที่ต้องพึ่งนวัตกรรมให้ไปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
ยิ่งปัจจุบันแนวโน้มคนเราจะอายุยืนไป
แตะร้อยปี ก็ยิ่งต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
เพราะมีสิ่งที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อยสำหรับคนใน
วัยนี้ คือ “ความจน เจ็บป่วยและถูกทอดทิ้ง”
ซึ่งถึงจุดหนึ่งการพึ่งตัวเองจะเป็นทางออก
ที่แน่นอนที่สุด ผมเลยขออนุญาตอัพเดทข้อมูล
ที่น่าจะเป็นประโยชน์ไว้ ณ ที่นี้
ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงวัยไปแล้ว
อัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย
ตำแหน่งงานเก่าหายไป ตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้น
โลกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่กำลังจะเปลี่ยน
“ความรู้อายุสั้นลง แต่คนอายุยาวขึ้น”
จึงเป็นข้อเตือนใจให้ทุกท่านในนาทีนี้
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com
======
ภาพจาก Thanaban โดย Midjourney