เข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วหลิ่วตาตาม
เราก็จะเป็นคนตาหลิ่วกับเขาไปอีกคน
มันจะดีหรือเปล่า เราเองก็ยังไม่รู้
แต่ที่แน่ ๆ …! ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดี เพราะมันอาจถึงชีวิตได้ (กระทบชีวิตส่วนตัว
และชีวิตการทำงาน)
ก่อนอื่นต้องขอขยายความหน่อย ดังนี้ครับ…
“ตาหลิ่ว” คือ การที่เราหรี่ตาลงข้างหนึ่ง
เพื่อเล็งดูด้วยตาอีกข้าง แต่เมื่อไปอยู่ในรูป
สุภาษิต “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”
มันแปลว่า ประพฤติ ปฏิบัติตัวให้เหมาะสม
กับกาลเทศะ ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีสุภาษิต
ชาวโรมันที่เหมือนกัน คือ “When in Rome,
do as The Romans do.”
จุดตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคนว่าจะ
เลือกหลิ่วตาดีหรือไม่นั้นล้วนต่างกันไป
แต่ใจความหลักที่อยากสื่อถึงคือ เมื่อต้องเข้าไป
อยู่ในเมืองที่มีวัฒนธรรมที่ดีงามอยู่แล้ว เราก็ต้องเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ร่วมพัฒนาต่อไป
ทำตัวให้กลมกลืน ชีวิตจะได้ราบรื่น
ส่วนในเมืองที่มีวัฒนธรรมเลวร้าย ข้อนี้วัดใจมากเพราะผมได้บอกแล้วว่า มันอาจกระเทือน
ถึงชีวิตนักเดินทางที่ไม่ยอมหลิ่วตาตาม
คำว่าเมืองก็เปรียบเทียบทำนองเดียวกับองค์กร
สังเกตได้ว่าทุกองค์กรไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ เมื่อเราสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมอันเลวร้ายแล้วนั้นเราเองกล้าพอที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หรือจะอยู่แบบตามน้ำไปเรื่อย ๆ ก่อน
ส่วนเมื่อประมาณกำลังตัวดูแล้วยังไม่ถึงขึ้น
ทำอะไรได้มาก ดั่งเอาไม้ซีกงัดไม้ซุง ก็ต้อง
ตาหลิ่วไปก่อน รอวันที่มีโอกาสพร้อมค่อย
พิจารณาหาทางว่ากันใหม่อีกที
ชีวิตมันเป็นเช่นนี้ … ยืดได้ หดได้ พลิกแพลง
ตามสถานการณ์และต้องไม่ลืมอุดมการณ์
ที่ตั้งไว้และจำไว้เสมอว่า “แม้นตาหลิ่ว แต่หัวใจ
ของเราไม่ได้หลิ่วตาม” แค่นั้นพอครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com
======
พื้นที่โฆษณา
อยากให้ AI ช่วยสร้างภาพประกอบสวย ๆ แบบนี้บ้าง
ขอแนะนำงานเขียนขายดีของผม
E:Book “Midjourney for Writer.+AI Avatar”
ในราคาพิเศษ 2 เล่มรวมกันเพียง 550 บาท
ดูรายละเอียดอีบุ๊คที่ https://shorturl.at/nAFT1
ท่านที่สนใจสั่งซื้อ เชิญคลิกที่ลิงค์
https://forms.gle/YA74v11yzFMTRNfX8