“ไม่เตรียมตัวโตก็ต้องเตรียมตัวตาย”
เมื่อตื่นลืมตาขึ้นมาจะมีคนสองกลุ่ม
กลุ่มแรกสานฝันตัวเองต่อ
ส่วนอีกกลุ่มดับฝันตัวเองด้วยการเกียจคร้าน
เหมือนคำพูดที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็กครับ
ตื่นจริงหรือแค่ตื่น…
คนที่ตื่นจริงก็คือตื่นรู้ รวบรวมสติลุกขึ้น
จากเตียงแล้วดำเนินกิจวัตรตามที่ได้
กำหนดไว้ก่อนเข้านอน หรือคนทำงาน
จะรู้จักกันในนาม ทำตาม to-do list
ส่วนแค่ตื่นก็วนเวียนอยู่กับการง่วงเหงาหาวนอน เพราะเข้านอนไม่เป็นเวลา
ตื่นมาปิดเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เตือน
แต่ไม่เคยตื่นมาใช้ชีวิตตามตั้งใจ
ตื่นรู้… ไม่เกี่ยวกับตื่นเช้าหรือตื่นสายครับ
มันอยู่ที่ตื่นมาแล้วได้ทำอะไรให้ชีวิตพัฒนา
ไปข้างหน้าบ้างหรือไม่ เหมือนที่บริษัท
จับตาดูเรานั่นแหละว่า มาเข้างานแต่ละวัน
มี productivity น่าพอใจมั้ย
ถ้าผลงานเราน่าพอใจ เขาก็จ้างต่อ
ถ้าผลงานไม่เข้าตากรรมการ เขาก็เลิกจ้าง
เอาล่ะ… ในมุมการเป็นเจ้านายตัวเอง
ก็คล้ายคลึงกัน ลองถามตัวเองดูสิ
แต่ละวันเรามี Productivity หรือไม่
คำตอบที่ได้จะทำให้ชีวิตหลายคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
และแน่นอนว่าอีกหลายคนก็หลีกเลี่ยง
ที่จะค้นหาคำตอบ(คิดว่ายังไม่ถึงเวลา)
ดังนั้นผมจึงขอสรุปดังบรรทัดแรกนะครับ
“ไม่เตรียมตัวโตก็ต้องเตรียมตัวตาย”
สองอย่างนี้เหนื่อยพอกัน
จะเหนื่อยแล้วเติบโต ชีวิตเกิดการยกระดับ
หรือเหนื่อยทั้งใจและกายจากการเกียจคร้าน
ก็เลือกเอานะครับ
วันนี้ผมขอตัวไปเหนื่อยสานฝันตัวเองต่อ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
www.thanaban.com