ขุนศึกไร้ปริญญา EP.05 ขาดทุนไม่ขาดใจ

“ถ้ามึงล้มเลิกตั้งแต่ติดหนี้แค่หนึ่งล้าน
แล้วชีวิตมึงจะได้จับเงินร้อยล้านหรือ ?”

ลูกพี่ของผมสั่งสอนผมเมื่อสิบห้าปีก่อน
หลังจากที่ผมไปนั่งปรับทุกข์และขอคำปรึกษา
จากท่านเพราะแก้ปัญหาเองไม่ไหว
จนหลุดปากถามไปว่าอาการของคนล้มละลายมันเป็นอย่างไร

#รสชาติของคำว่าขาดทุน ? อย่าให้พูดถึงเลยครับ
ผมเองก็เคยโดนพิษเงินขาดมือจากการขาดทุน
มาจนสาสมแล้วและคาดว่าหลาย ๆ คนก็แขยง
กับคำ ๆ นี้มาพอสมควร

#ขุนศึกไร้ปริญญาอย่างผม
จะเล่าให้ฟังว่าทำงานอย่างไรจึงได้ขาดทุน
และแก้ปัญหาอย่างไรถึงจะเลิกขาดทุน
เริ่มมีกำไรให้ครอบครัวได้ภาคภูมิใจเสียที

#ย้ำอีกครั้ง แค่ขาดทุน มันไม่ขาดใจหรอกครับ

เมื่อเริ่มเปิดร้านขาย ซ่อมคอมพิวเตอร์ช่วงปี 2545
บริหารแบบตัวคนเดียว เปิด ปิดเป็นเวลา
แต่วันไหนไม่อยากเปิด ก็ปิดแล้วแต่อารมณ์

การทำงานแบบไม่มีใครมาตรวจสอบเป็นสิ่งที่ดี
เพราะไม่เครียด ตราบใดที่เงินโอดีไม่ร่อยหรอ
และฝ่ายสินเชื่อจากหลายหลากธนาคารมาขอเปิดสินเชื่อ
อย่างไม่ขาดสาย
ส่วนตัวผมก็ไม่ต้องกดดันอะไร
เพราะเงินมันเข้ามาไม่หยุด

ยังไม่ต้องพูดถึงงบการเงินนะครับ ตอนนั้นดูไม่เป็น
อัตราส่วนระหว่างหนี้สินต่อทุนเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน
สมการสินทรัพย์ เท่ากับ หนี้สินบวกส่วนของเจ้าของก็พับไว้ก่อน

งานไม่มีระบบ การเงินไม่มีการควบคุม
แต่อยู่รอดได้เพราะใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการดึงดูดลูกค้า
ยอดขายก็ดี กำไรก็น่าจะดี
แต่ทำไมเงินฝากในบัญชีไม่มีสักบาท

ชีวิตผมเปลี่ยนเมื่อได้ใช้ระบบแฟรนไชส์เข้ามาครอบ
การทำงานที่ต้องมีมาตรฐาน รักษากฎข้อบังคับ
ผมโดนสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัว โดนวิเคราะห์งบการเงิน
ชนิดที่ว่าระบบแฟรนไชส์ที่ทรงพลังได้ผ่าตัดผมเสียใหม่
เงินทุกบาท ทุกเม็ด แทบไม่หลุดออกนอกระบบ
ปิดงบกำไรขาดทุนทุกวัน ไม่ต้องไปรอปิดสิ้นเดือน
ปิดงบดุลทุกวัน ไม่ต้องรอปีละครั้ง
วิเคราะห์เงินเข้า ออกของสเตทเมนท์ธนาคารทุกบรรทัด

ตื่นเช้ามาต้องนั่งดูอัตรากำไรขั้นต้นว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่
ถ้าเกณฑ์คือร้อยละสิบแล้วถ้าสิ้นวันมันเหลือร้อยละห้า
สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ออกหรือไม่

เช็คลิสต์ 5-10 รายการ ที่ต้องทำในแต่ละวัน
ได้รับการตรวจสอบว่าแล้วเสร็จจริงหรือ

ก่อนแง้มประตูเปิดร้าน ได้ทำการมอร์นิ่งบรีฟกับพนักงานหรือยัง
ตอนเช้าเริ่มงานใหม่เลยหรือเสียเวลานั่งขุดงานเดิมเมื่อวาน

ชีวิตช่วงที่เป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์สนุกมากครับ
ผมทำยอดขายหลักสิบล้านต่อเดือน
กำไรหกหลักแบบสบาย ๆ
หักค่าการตลาด ค่าแบรนด์ให้ต้นสังกัดก็ยังเหลือ
ไว้ใช้จ่ายสบายกระเป๋า

ชีวิตสมัยนักเรียนนั้น
คนที่แก้โจทย์ปัญหาได้ก็สอบผ่าน
แก้ได้ดีก็รับเกียรตินิยม แก้ไม่ได้ก็สอบตก

ส่วนทำธุรกิจมันสอบตกไม่ได้ครับ
เพราะมันคือล้มละลาย
ต้องผ่าน ผ่าน และผ่านเท่านั้น

ตอนนี้ได้ถอยตัวออกจากร้านที่บ้านเกิด
มาช่วยดูงานบริหารทรัพยากรบุคคลให้กับต้นสังกัด
ที่เมืองหลวงของประเทศไทยก็สนุกดีครับ
… ที่นี่เราขายกันปีละหมื่นล้าน
เตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์กันในเร็ววันนี้
สนุกบ้าง เครียดบ้าง ปะปนกันไป

ผมเขียนหนังสือไปหนึ่งเล่ม วางขายต้นปี 2561
เล่มละ 990 บาท เดือนเดียวก็หมดไปเกิน 100 เล่ม
ไม่สั่งพิมพ์เพิ่ม เพราะตอนนี้เขียนเล่มใหม่ได้ 28% แล้ว
กลางปีนี้น่าจะปิดเล่ม

สิ่งใดที่ #ขุนศึกไร้ปริญญาอย่างผมพลาดไปแล้ว
ผมจะมาแบ่งปันให้หมด แล้วเจอกันครับ

สอบถามเพิ่มเติม พิมพ์ลงในช่องแสดงความคิดเห็นได้เลย

ขอบคุณครับ

ธนบรรณ สัมมาชีพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *