เหนื่อยที่กาย ก็ต้องพักกาย
หากเหนื่อยที่ใจ ก็ต้องแก้ที่ใจ
ฟังดูมันเหมือนว่าอาการเหนื่อยใจ
จะแก้ไขได้โดยง่าย แต่ความจริงแล้ว
มันเป็นปัญหาระดับโลกเลยทีเดียว
มีโค้ชออกมาสอนฟรีหรือสอนเก็บเงิน
เป็นจำนวนไม่น้อย มาพร้อม How to
สู่ความสำเร็จหรือความสุข
แต่จะมีผู้เรียนสักกี่คนที่นำหลักการเหล่านั้น
ไปใช้จริง และทำให้ตัวเองมีสุขภาพจิต
และใจที่แข็งแรงได้
มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีโอกาส
ได้พบปะพูดคุยหรือปรึกษากับ Life Coach
เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน
หลายคนแม้กระทั่งเงินจะซื้อหนังสือดี ๆ สักเล่ม
ยังแทบไม่มีโอกาสเลย
การยืนด้วยลำแข้งตัวเอง บนต้นทุนที่ต่ำ
จึงเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสเหลือเกิน
ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ทรุดหนักเช่นนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ต้องลุกขึ้นมา
ยืนหยัดต่อสู้ต่อเพื่อปากท้อง ของตนและครอบครัว
แต่ไหนมา…การเปลี่ยนแปลงทางใจที่
ทรงอานุภาพที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครที่ไหนเลย
แต่มันขึ้นตรงกับเราโดยแท้ว่า
พร้อมจะฝ่าฝันอุปสรรค ปัญหาหรือยัง ?
บางปัญหามันแก้ไขเองไม่ได้
ต้องถามใจตัวเองว่าพร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง
และยอมรับความช่วยเหลือ
จากผู้อื่นแล้วหรือไม่ ?
ที่ต้องใช้คำว่า “ผู้อื่น” เพราะอะไร ?
ก็เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ได้มาจมปลักอยู่
กับปัญหาที่เราเผชิญอยู่ จึงมักมีมุมมอง
ที่แตกต่างออกไป จนถึงขึ้นช่วยแก้ไขปัญหา
ให้ลุล่วงได้โดยที่เราก็คงคิดไม่ถึงมาก่อน
ที่สำคัญหากมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยจริง ๆ
นั่นจะทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ซ้ำยังช่วยทำลายความคิด ความรู้สึกแนวลบ
ให้มลายหายไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น
โรคทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียด ฯ
และอื่น ๆ อีกมากมาย
และก็แน่นอนอีกว่า ไม่ใช่ทุกคน
ที่จะมีผู้อื่นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
การหมั่นสร้างทัศนคติที่ดี
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด
ด้วยเข้ากฎ “ตนคือที่พึ่งแห่งตน”
ผมเชื่อเหลือเกินว่า หากเราดิ้นไม่หยุด
สักวันจะมีโอกาสได้พบเจอสิ่งดี ๆ
มันแค่ต้องอาศัยเวลา
อย่าหยุดความพยายามนะครับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ