ตัวจริง ยิ่งเจ็บ ตอนที่ 1

คุณทำระบบแฟรนไชส์อยู่ใช่มั้ย ?
รู้มั้ยครับว่าปัญหาเรื่องพนักงานทุจริต
คืออีกสาเหตุที่ทั้งแฟรนไชส์ซอร์
และแฟรนไชส์ซีไปได้ไม่ไกล
และล้มพับก่อน

ผมลุยตรวจมาแล้วเกือบ​ 200​ สาขาทั่วประเทศ
ตั้งแต่เป็นผจก.เขตยันออดิเตอร์
วันนี้ความรู้มันยังไม่ระเหยจางไป

ลองอ่านเนื้อหานิด ๆ จากหนังสือเล่ม 2
ของผมที่จะวางแผงปลายปีนี้ดูก่อนครับ

======
#ว่าด้วยกรณีของหายจากคนใน

#ตัวจริง ก็ หมายถึงพนักงานสุดที่รักของเรานี่แหล่ะ
(บทนี้ไม่กล่าวถึงกรณีที่ขโมยคือลูกค้า)
ที่อยู่ดี ๆ เกิดหน้ามืดตามัวขึ้นมา
อยากรวยเร็วกว่าปกติจึงลุกขึ้นมาเป็นโจรซะงั้น

วิวัฒนาการของคนเหล่านี้คือ
เริ่มจากของชิ้นเล็ก ๆ ราคาไม่กี่บาทก่อน
เพื่อฝึกวิทยายุทธ์ จากนั้นเมื่อวิชาแกร่งกล้าขึ้นก็เริ่มพัฒนาการเป็นขโมยของราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ

จากประสบการณ์ของผม
เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดกับร้านหรือ
สาขาที่มีจำนวนพนักงานเยอะ
เนื่องจากจับมือใครดมก็ยาก

ส่วนร้านที่มีจำนวนพนักงานน้อยนั้น
มักไม่เกิดเหตุการณ์ลักขโมยเท่าไหร่
เพราะรู้ ๆ อยู่แล้วว่าใครทำ
อีกอย่างร้านที่มีจำนวนพนักงานน้อยนั้น
เจ้าของกิจการเขาเลี้ยงดี มีเงินให้ยืม
เมื่อท้องอิ่มอยู่เสมอจึงไม่เกิดกิเลสบังตาสักเท่าไหร่

======

เอาล่ะครับ
อย่างไรก็ตาม
เราคงไม่อยากได้พนักงานในคราบมิจฉาชีพมาทำงานในร้าน ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องป้องกันไม่ให้คนดี ๆ ในร้านกลายพันธุ์ไปเป็นมิจฉาชีพด้วย

ลองมาดูวิธีที่ผมนำเสนอดูก็แล้วกันว่า
จะเป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใด

1. #ตรวจเครื่องแต่งกายและกระเป๋า
ผมไม่ค่อยห่วงร้านที่มีชุดยูนิฟอร์ม
เป็นของตัวเองเพราะจะมีกฎ ระเบียบ ชัดเจนว่าใส่อะไร
ยังไง แบบไหน
จะได้ไม่ผิดมาตรฐาน
รักษาภาพลักษณ์ขององค์กรอีกด้วย

ชุดยูนิฟอร์มส่วนใหญ่ไม่ลุ่มล่าม ดูทะมัดทะแมง
จะได้ทำงานอย่างคล่องแคล่ว ว่องไว

แต่ร้านที่ไม่มีชุดยูนิฟอร์มนี่สิ
มีโอกาสที่จะเกิดเหตุได้ง่าย
เพราะส่วนใหญ่กำหนดให้สวมใส่ชุดที่ดูสุภาพ
บางคนก็สวมเสื้อกันหนาวหรือแจ๊คเก็ต
โดยวัตถุประสงค์อาจจะเพื่อกันแดด กันฝน กันลม
กันหนาว ก็แล้วแต่
ที่ต้องจับตามองคือ เสื้อผ้าเหล่านั้นสามารถใช้เป็นที่ซุกสินค้าออกจากร้านได้โดยง่ายหากไม่มีการตรวจค้นอย่างละเอียด

นี่ยังไม่รวมพนักงานที่พกกระเป๋า เป้มาทำงาน
หากไม่มีการตรวจค้นก็อาจเป็นช่องทางการทุจริตอีกเช่นเคย

======

#ผู้เขียนมีประสบการณ์มาแชร์
เคยไปใช้บริการโรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อเช่าห้องประชุมทั้งวัน
ระหว่างพักเบรก ก็มีรุ่นพี่เสียบมือถือไอโฟนชาร์จแบตไว้ในห้องประชุมเนื่องจากแบตเตอรี่หมดและไม่คิดว่ามันจะหายไปได้

สุดท้ายเมื่อมันหาย
ก็แจ้งไปทางโรงแรมให้ค้นตัวพนักงานและกระเป๋าที่พนักงานหิ้วมาทำงานด้วย ทางโรงแรมดำเนินการอย่างรวดเร็วและค้นพบโทรศัพท์ดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของพนักงานโรงแรมคนหนึ่ง

สิ่งที่ต้องปักหมุดไว้ในกรณีศึกษานี้คือ ทางโรงแรมมีตู้ล็อคเกอร์ให้พนักงานเก็บกระเป๋าเป็นที่เป็นทางและเมื่อต้องการตรวจเช็คแบบสายฟ้าแลบก็สามารถทำได้โดยง่าย

======

เมื่อครั้งที่ผมเป็นผู้จัดการเขตและออดิเตอร์
ก็ได้ให้ความสำคัญกับมาตรฐานข้อนี้อย่างยิ่งยวด
คือ กระเป๋าของพนักงานในร้านต้องมีที่เก็บเป็นที่เป็นทาง

ไม่ใช่อยากวางไหนก็วาง(ในลิ้นชัก, ใต้โต๊ะ ,ตู้สินค้า)
ทีนี้นึกอยากขโมยของแต่ละทีก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
ว่าจะเอาชีวิตไปเสี่ยงดีหรือไม่

เป็นคนดีต่อไปเหอะ สวรรค์มีตาแน่นอนครับ
(วันนี้พอแค่นี้ก่อน ค่อยมาต่อวันต่อไปครับ)

ขอบคุณครับ

ธนบรรณ สัมมาชีพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *