ความฝันที่ไร้พลัง ยังไงก็เป็นจริงขึ้นมาไม่ได้
เพราะความฝันเป็นแค่มโนภาพ ไม่ใช่กายภาพที่จับต้องได้ ฝันจะเป็นจริงไปไม่ได้ หากเจ้าของไม่สานฝันให้เป็นจริงขึ้นมาด้วยตัวเอง
บางคนฝันทิ้งฝันขว้างบางคนฝันค้าง
หลายคนฝันซ้ำซากจนเบื่อระอา ไม่อยากจะฝันอีก
ต่อไป เพราะฝันแล้วนิ่งเฉยไม่ขยับให้เกิดมรรคผล
พลังใจล้นเหลือแต่ฝันไร้เป้าหมายกลายเป็นฝันร้าย
ไปในที่สุด ได้แต่ใช้แรงกายแรงใจหมดไปกับฝัน
ลม ๆ แล้ง ๆ ผลาญแบตเตอรี่ในตัวเองไปเรื่อย ๆ
ที่สุดก็เฉื่อยชา ไร้ซึ่งผลงานในชีวิต
บางคนอยากรู้ อยากเรียนไปหมด พลังในตัวเอง
เยอะมาก ไปเรียนที่สำนักไหนเป็นได้เจอะเจอเขา
ทุกที่เขากระหายใคร่รู้ อยากรู้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
แต่ตอบตัวเองไม่ได้สักทีว่าที่ร่ำเรียนมากมาย
ขนาดนั้นจะเอาไปทำอะไรกัน เมื่อไหร่และอย่างไร
หากมีใครเผอิญถามขึ้นมา เขาก็จะตอบว่า
“รอเรียนหลักสูตรนี้ให้จบก่อน
ขอเวลาเรียนรู้เยอะกว่านี้ก่อน”
แต่จะไม่ตอบว่า “เมื่อไหร่” ถึงจะเริ่มลงมือทำตาม
ที่ฝันไว้ ปราศจากเป้าหมายและกำหนดการใด ๆ
ทั้งสิ้น
แรงกายใจที่เหลือเฟือควรเก็บไว้ใช้ในสิ่ง
ที่เป็นประโยชน์มากกว่าเที่ยว “หาเช้ากินค่ำ”
ควรสะสมและถนอมไว้สำหรับงานที่ฝัน
เพื่อให้มันทรงพลังที่สุด
บทความจากหนังสือ #ต้นเหตุแห่งความสุข
เขียนโดย อ.ณรงค์วิทย์ แสนทอง
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ