สาเหตุของความล้มเหลวมีหลายประการมาก
และหนึ่งในนั้นคือความ “ขี้เกียจ” นั่นเอง
รู้มั้ยครับ ? ไอ้คุณขี้เกียจนี่ เป็นเพชฌฆาตความสำเร็จ
หากใครคบมันเป็นเพื่อน รับรองล่มจมครับ
ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ สัตว์ร่วมโลกของเรา
ที่แต่ละวันมันต้องออกทำมาหากิน
เจ้ากวาง ต้องเสี่ยงภัยจากการตกเป็นอาหาร
ของเสือหรือสิงโต
เจ้าม้าลาย ต้องลุ้นทุกครั้งว่าการลงไปดื่มกินน้ำ
ที่หนองน้ำ จะโดนจระเข้งับหัวหรือไม่
หนูนาก็ต้องลุ้นเหมือนกันนะครับว่าจะโดน
นกเหยี่ยว นกอินทรีโฉบลงมาจับไปเป็นอาหาร
ถ้าสัตว์พวกนี้มันขี้เกียจหรือไม่ยอมเสี่ยงเลย
ก็คงนอนผอมและอดตาย
ดูแล้วช่างเป็นวัฏจักรที่เราแสนคุ้นเคย
แต่พอตัดภาพมาที่สัตว์ประเสริฐ
หรือที่เรียกว่า “คน” บ้างล่ะ
แต่ละวันได้ทำมาหากิน เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
ของตนและของครอบครัวบ้างหรือไม่
หรือหวังว่าจะมีลาภลอย ถูกหวยรวยทั้งชาติ
มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะครับ ?
คนนั้นจริง ๆ แล้วถูกสร้างมาเพื่อทำงาน
เมื่อทำงานแล้วก็มีความสุข กระปรี้กระเปร่า
ยิ่งทำงานยาก ๆ สำเร็จนะครับ
ร่างกายก็หลั่งสารแห่งความสุขเป็นการตอบแทน
ยิ่งทำแบบนี้อยู่เสมอ ก็จะเป็นคนที่มีความสุข
มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต่างจากคนที่ขี้เกียจ เฉื่อยชา
คนเหล่านี้จะซึมเศร้าหรือปฏิเสธสังคมคนทำงาน
ไปเลย เพราะไม่มีอะไรจะไปคุยกับเขา
หนักเข้าก็กลายเป็นภาระของคนอื่นแบบเลี่ยงไม่ได้
ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะขยับแข้งขา
เดินหน้าทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
ช่วงแรกไม่ต้องหวังเรื่องผลตอบแทนมาก
แต่ให้คิดซะว่าได้ประสบการณ์และที่สำคัญ
ไม่ต้องแบมือขอเงินใครอีกต่อไป
คุณรู้มั้ยครับว่า
คนที่รวยกว่าเรา 10 เท่าน่ะ…
เขาไม่ได้เก่งกว่าเรา 10 เท่าหรอกนะ
บางทีเขาแค่เก่งกว่าเรานิดหน่อยเท่านั้น
แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันทำให้เขาชำนาญ
จนถึงขั้นเรียกเงิน เรียกทองจากฝีมือการทำงานได้
จำปู่เย็นได้ใช่มั้ยครับ ปู่เคยบอกว่า
“แม้แต่หอย มันไม่มีแขนขา
มันยังหากินได้เลย ไม่ตายด้วย
นับประสาอะไรกับคน
ทำไมจะเลี้ยงตัวเองไม่ได้”
ถ้ายังขี้เกียจอยู่ก็ระวังให้ดีนะครับ
จะมีคนล้อว่า เกิดมาอายหอย
จะกินหอยทั้งทีต้องคิดน้อยคิดใหญ่เลยล่ะ !!!
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ
ขอบคุณภาพจาก #importantimage