เจ้ากล้องวงจรปิด(CCTV : closed circuit television)
นั้นมีประโยชน์จริง ช่วยกดดันมิจฉาชีพตั้งแต่ก่อนขโมยจนหลังขโมย
เพราะแค่เห็นกล้องส่อง ไม่ว่าจะใช้งานได้หรือไม่
คนเราก็ไม่อยากเป็นดาราจำเป็นอยู่แล้วล่ะครับ
แต่ผมเตือนนิดนึงสำหรับท่านเจ้าของกิจการทั้งหลาย
อย่าตกม้าตายง่าย ๆ ที่ผมจะแชร์ในบรรทัดต่อไป
ข้อที่ 1 ตรวจสอบดูว่ากล้องวงจรปิดอยู่ในสภาพใช้งานได้
ไม่ใช่เสียบไว้เฉย ๆ หนูกัดสายขาดวิ่น เสียบปลั๊กอยู่หรือไม่
ข้อที่ 2 ใช้งานได้ทุกตัวแล้วก็จริง ตรวจสอบต่อไปว่ามันสามารถบันทึกข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ได้หรือไม่
บันทึกได้กี่วัน กี่สัปดาห์ กี่เดือน ตั้งค่าการบันทึกได้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นแค่เสือกระดาษเอานะครับ
ข้อที่ 3 เครื่องบันทึกควรอยู่ในที่เก็บมิดชิด ไม่ใช่วางไว้ในบริเวณร้านที่ใครก็เข้าถึงได้ มิฉะนั้นหลังจากที่มิจฉาชีพพวกนี้มันขโมยของในร้านเสร็จ มันก็จะขโมยเครื่องบันทึกของคุณไปด้วย พูดแล้วเจ็บจี๊ด ๆ ดีแท้ครับ หรือหากไม่ขโมยแต่กลายเป็นว่าพวกพนักงานขี้ฉ้อเข้ามาเปิดดูรายการบันทึกแล้วทำลายหลักฐาน อันนี้โคตรเสียเหลี่ยมเลยล่ะครับ
ข้อที่ 4 จะจับผิดทั้งที อย่าให้หลุดรอดสายตา
ลองจินตนาการถึงอาจารย์คุมสอบที่ใส่แว่นตาดำนั่งอยู่หน้าห้องดูสิครับ
ไอ้คนที่คิดจะโกงมันจะนั่งตัวเกร็งขนาดไหน
เพราะเหมือนผู้คุมสอบนั่งจ้องตลอดเวลา
ทั้งที่อาจนั่งฝันถึงเลขเด็ดอยู่ก็เป็นได้
เจ้ากล้องวงจรปิดเช่นกัน พยายามหาเหลี่ยมหามุมดี ๆ
ส่องให้เห็นชัด ๆ และเลี่ยงการให้พนักงานเห็นมุมกล้องว่าเราส่องไปบริเวณไหนบ้าง
มิฉะนั้นมันก็จะหาเหลี่ยมบอด หรือมุมบอดที่กล้องหลุดไป เหมือนหนังฝรั่งที่ปล้นธนาคาร โจรจะทำการบ้านมาก่อน
ยังไงก็ยังงั้นเลยครับ
อื่นที่ไม่ได้เอ่ยถึง ๆ เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ
หรือมีมุมอับก็แก้ไขซะ เช่น เพิ่มหลอดไฟ มีกระจกในมุมอับ
จะได้ดูกว้างขึ้นแถมส่องหน้าตัวเอง แบบนี้มีเขินบ้าง
จะขโมยก็ยังกระดากใจอยู่แฮะ
เรื่องของความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังให้กับพนักงานทุกคนเป็นปัจจัยแรก ส่วนความจริงจัง เข้มงวดก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่าทำแบบขอไปที เมื่อมีคนผิดก็ต้องลงโทษเพื่อตัดตอนพวกลัทธิเอาอย่าง
สวมวิญญานท่านเปาบุ้นจิ้นได้เลยขอรับ
ขอบคุณครับ
ธนบรรณ สัมมาชีพ