คนกับระบบ อันไหนสำคัญกว่า ?

เถ้าแก่แฟรนไชส์ทุกท่านช่วยแชร์ไอเดียหน่อยสิครับ
วันนี้อยากมีสิบ ร้อย พัน สาขาทั่วไทย
(หรือเป็นไปได้ก็ขยายไปทั่วโลก)

วันนี้จะเริ่มลงทุน ลงแรงทั้งที
ก็ไม่อยากล้มเหลวกันแน่ ๆ
ถามเน้น​ ๆ อีกสักที

ระบบ กับ คน อะไรสำคัญกว่า ?

======
ย้อนรอยอดีตไปถึงคำถามที่สร้างความปวดหัว
เช่น ไก่กับไข่อะไรมันเกิดก่อนกัน ?
ทฤษฎีกับปฏิบัติอันไหนมันมาก่อนกัน ?
ซึ่งก็แจงกันไป แจงกันมาไม่รู้จบ
จนมาวันนี้มาถึงประเด็นคนกับระบบบ้าง

หัวใจของระบบแฟรนไชส์ที่สำคัญมาก
ที่ทุกท่านที่สร้างมากับมือไม่อยากพลาดไป
นั่นคือ การเก็บค่ารายเดือน
(ค่า Royalty Fee,ค่า Marketting ,ค่า Brand)
หรือแล้วแต่จะเรียกกัน
สาเหตุเพราะ : เมื่อเราเหนื่อยไปแล้วก็ต้องการ
เก็บกินระยะยาวเพื่อนำเงินไปต่อยอดในหลาย ๆ ส่วน

ซึ่งหากมาทางนี้จริง ๆ นั่นเท่ากับว่า
ต้องมีระบบรองรับอย่างแน่นอนที่สุด
โดยหากไม่เขียนโปรแกรมเองก็ต้องลงทุนซื้อโปรแกรม
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เช่น ระบบการบริหารร้านแฟรนไชส์
ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน
ตั้งแต่ ขาย,จัดซื้อ,ตัดสต๊อก,รับเงิน ฯ

ไหนจะระบบมาตรฐานที่ควบคุมคุณภาพ
ไม่ให้ผิดเพี้ยนจากต้นตำรับ
ซึ่งที่เล่ามาจะเห็นว่ารายละเอียดค่อนข้างมากมาย

ทีนี้เราก็ต้องมานั่งคิดแล้วครับ
เพราะ หากจะเขียนโปรแกรมเองก็ต้อง
จ้างโปรแกรมเมอร์ซึ่งราคาค่าจ้างไม่ใช่ถูก ๆ แน่นอน
(ตลาดแรงงานยังคงให้ค่าความสำคัญกับ
คนที่เขียนโปรแกรมได้ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ตามเทรนด์ที่กระแสออนไลน์ยังครองโลกอยู่)

จ้างแล้วก็ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะกว่าจะลงตัว
เมื่อมีส่วนไหนที่อยากเพิ่มเติมหรือแก้ไขโปรแกรม
ก็ยังต้องอาศัยโปรแกรมเมอร์อยู่

ไหนจะต้องคอยแก้ปัญหาหน้างาน
เช่น ระบบล่ม ที่มักเกิดช่วงที่ transaction เยอะ ๆ
เรียกได้ว่าต้องจ้างกันยาว

ปัญหาคือ ….. เมื่อโปรแกรมเมอร์ลาออก
คุณจะทำอย่างไร ?
เห็นมั้ยครับว่าระบบนั้นสำคัญจริง ๆ

======
ครั้นพอวกมาที่เรื่องคนบ้าง
ซึ่งหลาย ๆ คนคงคิดว่าไม่น่าปวดหัว
เพราะถ้าระบบที่ดีจะสามารถทำให้งานไม่สะดุด
ไม่ต้องการพนักงานที่สเป๊กสูงก็ดำเนินงานได้
ก็เห็นแฟรนไชส์ข้ามชาติอย่าง KFC , Mcdonald
7 Eleven ฯ ก็ไม่เห็นต้องใช้พนักงานที่เรียนจบสูง
มาทำงานในร้านสักหน่อย (ยกเว้นตำแหน่งเชิงบริหาร)

ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็คงดีไม่น้อยสิครับ
เพราะปัญหาที่พบอยู่ทุกวัน
เช่น การบริการที่ขาดมาตรฐาน
การทุจริต คอรัปชั่น, การทำงานแบบ
เช้าชาม เย็นชาม ฯ
มันน้อยลงซะที่ไหนเล่า

ลองนึกภาพตามผมนะ
บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ระหว่าง…..
A. บริษัทพันล้าน แต่มีบุคลากรชั้นสุดเลว
และ B. บริษัทสิบล้าน แต่มีบุคลากรชั้นหัวกระทิ
ให้เวลา 10 ปี ใครจะอยู่ ใครจะไป ?

======
>>> ระบบดี และ คนดี
คำตอบ คือ ดีสุด ๆ ฉุดไม่อยู่

>>> ระบบเลว และ คนเลว
คำตอบ คือ เลวร้ายสุด ๆ ล่มจมแน่ ๆ

>>> ระบบดี และ คนเลว
คำตอบ คือ ยังพอถูไถไปได้เพราะยังมีแก่น
ที่อาจพลิกสถานการณ์ขับคนที่เลวออกไป

สุดท้าย ท้ายสุดคือแบบนี้ครับ
>>> ระบบเลว และ คนดี
คิดว่า …. มันจะไปรอดมั้ยครับ
อ้าว… ช่างน่าคิดเสียนี่กระไร
เพราะหลายคนก็กำลังเจอสถานการณ์นี้อยู่
เพราะคำตอบมั้นไม่ใช่แค่ “ไม่ดี”

ทางที่มันจะไม่ดีนั้นมีแน่ถ้าเราไม่พัฒนาคนของเรา
และปล่อยไปตามธรรมชาติ หรือตามยถากรรม

วันนี้ผู้ที่จะทำแฟรนไชส์หลายคน
คงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นแน่
ก็ส่งเสริมและพัฒนาคนให้ดีซะเถอะครับ

คนเก่งและดี เมื่อไปอยู่ในระบบที่ไม่ดี
เขาจะเข้าไปแก้ไขมัน

คนเก่งและดีเมื่อมีภาวะผู้นำด้วย
จะช่วยเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เติบโตอย่างสง่างาม
อยากขยายสาขาให้มาก ๆ เข้าไว้
แต่ไม่มีคนเก่งและดีมาช่วยงานมันก็จะลำบาก
แม้กระทั่งได้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่เป็นคนไม่ดี
ทางผู้ขายแฟรนไชส์ก็กลืนไม่เข้า คลายไม่ออก
เพราะมีแต่แง่ ผลประโยชน์ เล่ห์เหลี่ยมเต็มไปหมด

======
มาถึงตรงนี้ก็ขอสรุปแบบกลาง ๆ ไว้
แต่ด้วยการที่ปัจจุบันผมได้ดูแลงานบริหารทรัพยากรบุคคล
และเคยเป็นผู้ตรวจสอบภายใน(internal audit)
จึงขอเทน้ำหนักมาที่ คน มากกว่า ระบบ

กล่าวคือ หาคนเก่งและดีมาร่วมงานเสียก่อน
จึงเริ่มพัฒนาระบบตาม

และเหตุผลส่วนตัวอีกอย่างที่อยากบอกไว้
“คน คือ สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวบนโลกที่หักหลังกันได้ครับ”

======
พื้นที่โฆษณา
ท่านที่สนใจเรียนการทำแฟรนไชส์
สามารถสมัครเรียนออนไลน์ได้ที่
https://goo.gl/2yWzbc

หรือ inbox มาเลยในช่องแสดงความคิดเห็น

ขอบคุณครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *